ชาวนา กระดูกสันหลังของชาติ เหตุใดสังคมไทยละเลย ต้องประสบปัญหาความยากจนมายาวนาน

อาชีพชาวนาที่สังคมไทยในยุคเก่าก่อนได้ยกย่องให้เป็นอาชีพที่มีเกรียติ มีความสำคัญต่อความอุดมสมบูรณ์ของประเทศชาติ เปรียบชาวนาเป็นดั่งกระดูกสันหลังของชาติ แต่เหตุใดวันนี้ ชาวนามากมายหลายครัวเรือนจึงถูกสังคมไทยละเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดใจอย่างมาก ที่ชาวนาส่วนใหญ่ต้องประสบปัญหาความยากจนต่อเนื่องอย่างยาวนาน โดยไม่ได้มีการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังสักที ทั้ง ๆ ที่ชาวนาต้องทำงานตรากตรำ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เหน็ดเหนื่อยอย่างสาหัส แต่กลับได้ผลตอบแทนที่มีรายได้ขาดทุนในทุก ๆ ปี จึงทำให้ชาวนาส่วนใหญ่ประสบกับปัญหาหนี้สินต่อ จนต้องโดนยึดที่นา ยึดบ้านช่อง ก็มีให้เห็นกันมากมายตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ในสังคมไทยปัจุบันนี้ หนำซ้ำปัญหาที่ต่อเนื่องกันจากพ่อสู่ลูก ลูกสู่หลาน เนื่องจากปัญหาความยากจน จึงต้องใช้ชีวิตอยู่กันแบบแล้งแค้น ในยะถาชีวิตแบบเดิม ๆ ซึ่งผิดกับชาวนาในประเทศอื่น ๆ ทางฝั่งยุโรปและอเมริกา ที่มีคุณภาพชีวิตและรายได้ที่ดี ผิดกับชาวนาในบ้านเราอย่างมากทีเดียว และถ้ารัฐบาลไม่เข้ามาช่วยเหลือแก้ปัญหาความยากจนนี้อย่างจริงจัง แน่นอน ปัญหาชาวนาถูกสังคมไทยมองข้ามและละเลยจะไม่มีวันหมดไปจากประเทศชาติอย่างแน่นอน

เหตุใดชาวนาในประเทศไทยจึงยากจน

เกิดจากชาวนาส่วนใหญ่มีความรู้น้อย ไม่สามารถจำหน่ายข้าวสู่ผู้บริโภคโดยตรง จึงต้องนำข้าวไปขายให้กับโรงสี ที่รับซื้อหรือพ่อค้าคนกลางเท่านั้น ทำให้ไม่มีทางเลือกทางการค้าที่ดีต่อตนเอง ซึ่งกลไกการตลาดข้าวนั้น ชาวนาเป็นผู้ลงทุนในการปลูกข้าวมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมาย กว่าจะได้ข้าวไปขายให้กับโรงสี ซึ่งทำการขัดสีข้าวแล้วไปขายให้กับโรงงานผู้จำหน่ายข้าวทั้งส่งออกหรือจำหน่ายในประเทศต่อไป  โดยราคาข้าวถูกกำหนดจากพ่อค้าคนกลาง ชาวนาไม่สามารถตั้งราคาได้เอง จึงทำให้ขายข้าวขาดทุนในทุก ๆ ปี เพราะต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง  และสาเหตุเหล่านี้นี่เอง จึงทำให้ชาวนามีฐานะความเป็นอยู่ที่แล้งแค้นในสังคมยุคปัจจุบัน

แนวทางช่วยเหลือชาวนา

รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือและแก้ปัญหาความยากจนของชาวนาอย่างจริงจังและจริงใจโดยการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาให้ความรู้ และคอยให้คำปรึกษาช่วยเหลือชาวนา รวมถึงดูแลไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวนา ด้วยการสนับสนุนด้านเงินทุน ให้ความรู้ความสามารถ และโอกาสที่ดีในด้านต่าง ๆ ให้สวัสดิการกับชาวนา รวมถึงลูกหลานของชาวนา ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมาได้

ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนควรมีสามัญสำนึกในอาชีพที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ควรยกย่องให้เกรียติอาชีพชาวนา ลองนึกดูว่าถ้าไม่มีอาชีพชาวนาเลย เพราะไม่มีใครอยากยากจนประเทศชาติจะเป็นอย่างไร และรัฐบาลเองก็ควรมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนของชาวนานี้อย่างจริงจัง ให้ชาวนาหลายล้านครัวเรือนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


ภาครัฐทั่วเอเชียหนุนหนุ่มสาวปั๊มลูกเร่งแก้ปัญหาประชากรลดลงในระยะยาว

การลดจำนวนลงของประชากรนั้นดูเหมือนจะเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของผู้นำในหลาย ๆ ประเทศ จนต้องออกนโยบายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนวัยหนุ่มสาวรีบแต่งงาน และมีลูกเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีได้ การลดลงของจำนวนการเกิดของเด็กในประเทศนั้นส่งผลต่อความไม่สมดุลกันระหว่างประชาชนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น และจำนวนเด็กที่ลดลงอย่างน่าใจหาย เป็นผลให้เกิดความกังวลเรื่องการจ้างงานในอนาคตจนเกิดภาวะการขาดแคลนแรงงานเพื่อพัฒนาประเทศได้ในที่สุด

โดยหลายประเทศ โดยเฉพาะในทวีปเอเชียเกิดปัญหานี้ขึ้น โดยเฉพาะในประเทศมหาอำนาจอย่างจีน จากเดิมรัฐบาลจีนได้กำหนดโควต้าให้ทุกครอบครัวสามารถมีบุตรเพื่อสืบเชื้อสายได้เพียง 1 คนเท่านั้น การประกาศนโยบายนี้ก็เพื่อลดจำนวนประชากรจีนที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่จากสถิติการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้น และการลดลงของจำนวนคู่แต่งงานตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทำให้จำนวนการเกิดใหม่ของประชากรลดน้อยลง ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องออกประกาศใหม่อีกครั้งเรื่องการกำหนดโควต้าเด็กให้เพิ่มจากครอบครัวละ 1 คน เป็นครอบครัวละ 2 คน เพื่อแก้ปัญหาของจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการเกิดน้อยลง เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมของคนทำงานหนักประกอบกับชายหญิงส่วนใหญ่ถึงแม้ว่ามีความต้องการใช้ชีวิตคู่แต่ยังคงหวงชีวิตอิสระ ทำให้ประชากรวัยหนุ่มสาวส่วนมากนิยมอยู่ตามลำพัง รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเกิดความกังวลว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าประชากรญี่ปุ่นจะน้อยลงแต่มีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุล และอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องได้รับการเยียวยาโดยเร็วที่สุด ดังนั้นรัฐบาลจึงออกประกาศลดเวลาการทำงานของประชาชนลง เพื่อให้มีเวลาอยู่กับคนรักและครอบครัวมากขึ้น

สำหรับประเทศไทยเองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน เนื่องจากจำนวนคนชราสูงขึ้นแต่จำนวนเด็กเกิดใหม่กลับลดลง รัฐจึงเห็นว่าถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปสังคมไทยต้องกลายเป็นสังคมคนชรา โดยประชาชนวัยแรงงานต้องแบกรับภาระการเลี้ยงดูผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจึงออกมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ที่มีบุตรคนแรกจะสามารถลดหย่อนภาษีได้ถึง 30,000 บาทต่อปี และลดหย่อนภาษีอีก 60,000 บาทต่อปี สำหรับบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนไทยวัยทำงานมีความต้องการมีบุตรเพิ่มขึ้น

อัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในประเทศต้องเกิดปัญหา เช่น การปิดตัวลงของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย การยุบชั้นเรียนและนำนักเรียนมาเรียนรวมกัน รวมถึงการว่างงานของบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะครูอนุบาล หรือแม้กระทั่งจำนวนตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นจากสภาวะขาดแคลนแรงงาน และอีกหลายปัญหาที่คาดว่าจะตามมาในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อนภาษีหรือช่วยเรื่องการศึกษาจากภาครัฐให้ประชาชนได้เห็นข้อดีของการมีบุตรนั้นเป็นเรื่องดี เพื่อลดความกังวลจากคนวัยหนุ่มสาวเรื่องความกลัวต่อความยากลำบากที่จะเกิดกับลูกในอนาคต

 


ชาวกรุงอยู่ไม่ไหว รถไฟฟ้าทำรถติดรอบกรุง 3 ปี ซ้ำทางด่วนจ่อขึ้นราคากันยานี้

ชาวกรุงเทพมหานครและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงต่างพากันบ่นอุบเป็นเสียงเดียวกันว่าเบื่อ และเหนื่อยกับการเดินทางในแต่ละวัน ที่ต้องเผชิญกับภาวะรถติดที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยายังคาดการณ์อีกว่าอาจมีน้ำเหนือไหลลงมาท่วมขังในบริเวณที่ลุ่มของกรุงเทพมหานครช่วง 2 – 3 เดือนหลังจากนี้ นอกจากนี้ชาวกรุงเทพและบริเวณใกล้เคียงยังต้องเผชิญกับปัญหารถติดจากการระดมสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายสายในคราวเดียว คาดว่าจะแล้วเสร็จอีก 4 – 5 ปีข้างหน้า อีกทั้งทางด่วนเตรียมขึ้นราคาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เรียกว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดชาวกรุงกันเลยทีเดียว

จากการแถลงแผนงานการสร้างรถไฟฟ้าของประเทศไทยทำให้ทราบว่าจะมีการสร้างเส้นทางการเดินรถอีก 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม สายสีชมพู และสายสีเหลือง ซึ่งแต่ละสายนั้นจะถูกสร้างให้ครอบคลุมทั้งกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ในเขตปริมณฑลบางส่วน ได้แก่ นนทบุรีและสมุทรปราการ โดยสายส้มจะมีการสร้างทั้งหมด 17 สถานี เริ่มตั้งแต่สถานีศูนย์วัฒนธรรมไปจนถึงสถานีสุวิทวงศ์ ส่วนสายสีชมพูมีทั้งหมด 30 สถานี เริ่มที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และสุดสายที่สถานีมีนบุรี ใกล้แยกร่มเกล้า สำหรับสายสุดท้ายคือสายสีชมพูจะอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการมีจำนวนทั้งหมด 23 สถานี เริ่มจากสถานีรัชดา ทอดยาวไปถึงสถานีสุดท้ายคือสถานีสำโรง ซึ่งตามรายงานระบุว่ารถไฟฟ้าทุกสายจะแล้วเสร็จในปี 2566 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้คนกรุงเทพและคนในพื้นที่ก่อสร้างต้องหาเส้นทางใหม่ หรือวางแผนการเดินทางหรือใช้บริการทางด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติด

แต่ดูเหมือนว่าคนกรุงกำลังจะหนีเสือเพื่อปะจระเข้ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแจ้งว่าตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2561 เป็นต้นไปจะปรับขึ้นค่าผ่านทางอีก 5 บาท  สำหรับทางพิเศษ 2 เส้นทาง คือทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคมได้ระบุว่าการขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้เนื่องมาจากการทำสัญญาระหว่างรัฐและบริษัทเอกชนผู้มีส่วนในผลประโยชน์ ดังนั้นรัฐจึงต้องปฏิบัติตามสัญญาโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เป็นผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

ความยุ่งยากในชีวิตของคนกรุงที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ ส่งผลให้การวางแผนสำหรับการเดินทางประจำวันจำเป็นต้องรัดกุม สำหรับใครที่ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องออกให้เช้ากว่าเดิมเพื่อความมั่นใจว่าจะไปถึงที่หมายให้ทันเวลา ถึงแม้หลายคนจะรู้สึกเหนื่อย และท้อกับการใช้ชีวิตประจำวันในเมืองใหญ่แต่การยอมรับ และปรับตัวเพื่อรับกับสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำและหลีกเลี่ยงไม่ได้

 


ความย้อนแย้ง รัฐนำร่องรณรงค์งดสูบบุหรี่แต่ทุ่มงบกว่า 4,000 ล้าน ขยายฐานการผลิตบุหรี่

                ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสูบบุหรี่นั้นส่งผลร้ายมากกว่าผลดีต่อสุขภาพของผู้สูบและคนใกล้ชิด ซึ่งโทษของบุหรี่มีหลายประการ เช่น

  1. ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดส่วนที่ไปเลี้ยงสมองตีบ ตัน และแตก ทำให้เป็นโรคสมองเสื่อม โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ประสิทธิภาพของสมองจะเสื่อมเร็วกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ และจะมีระบบการทำงานของสมองที่แก่กว่าอายุจริงถึง 10 ปี
  2. เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด อาการเริ่มจากไอเรื้อรัง หายใจติดขัด หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง และพัฒนาไปสู่โรคมะเร็งปอดซึ่งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้น ๆ โดยผู้ป่วยร้อยละ 90 จะเสียชีวิตภายใน 1-2 ปีหลังจากทราบว่าตนเป็นโรคนี้
  3. นิโคตินในบุหรี่จะไปทำลายกล้ามเนื้อในกระเพาะปัสสาวะทำให้อ่อนตัวและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

จากโทษที่ยกตัวอย่างในข้างต้นเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ ผลกระทบที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เป็นผลให้เกิดการรณรงค์ทั้งจากภาครัฐและเอกชนกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปีนั้น เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก โดยในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2561 ในประเด็น “ รักษ์หัวใจ ห่างไกลบุหรี่ ” เพื่อให้ประชาชนเกิดความรอบรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ  จากรายงานการสำรวจล่าสุดปี 2560 พบว่าประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป มีอัตราการสูบบุหรี่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเป้าหมายในการทำงานจึงมุ่งเน้นรณรงค์ในกลุ่มเยาวชนอายุ 15 – 24 ปี เพื่อลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า บุหรี่สร้างรายได้มหาศาลให้กับภาครัฐบาลและประเทศ ด้วยการจัดเก็บภาษียาสูบ ซึ่งในแต่ละปีนั้นรายได้จากภาษีเหล่านี้เป็นรายได้ที่สามารถนำมาพัฒนาประเทศในหลาย ๆ ด้าน แต่ด้วยจำนวนผู้สูบที่ลดลงในปีที่ผ่านมาทำให้รัฐเริ่มเกิดภาวะสั่นคลอนด้านการเก็บภาษีจากยาสูบ เป็นผลให้กระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการยาสูบแห่งประเทศไทยต้องทุ่มงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาทเพื่อสร้างฐานการผลิตบุหรี่ขนาดใหญ่ โดยการลงทุนนำเข้าเทคโนโลยีที่มีคุณภาพพร้อมผลิตบุหรี่ในปริมาณมาก ๆ เพื่อรองรับการเปิดตลาดแห่งใหม่ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

จากข้อมูลดังกล่าวดูจะสวนทางกับการรณรงค์งดสูบบุหรี่ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายคนตั้งข้อสังเกตเรื่องความจริงใจของรัฐบาลต่อการรณรงค์ให้ประชาชนระดับเยาวชนลด ละ เลิกสูบบุหรี่ เพื่อลดการเพิ่มจำนวนของนักสูบหน้าใหม่ เพราะการเพิ่มปริมาณบุหรี่ที่มากขึ้น ในอนาคต อาจทำให้เยาวชนไทยกลายเป็นกลุ่มเยาวชนที่มีการสูบบุหรี่กันอย่างกว้างขวางเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกก็เป็นได้

 


เลิกตามกระแสแบบผิด ๆ ไข่ดิบดองน้ำปลาพบโทษมากกว่าประโยชน์แนะกินสุกดีกว่า

เชื่อว่าหลายคนชอบรับประทานไข่เนื่องจากไข่มีรสชาติอร่อย และมีสารอาหารมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ไข่กลายเป็นเมนูหลักประจำบ้านของหลาย ๆ ครอบครัว การรับประทานไข่เป็นประจำให้เหมาะสมกับช่วงวัยของแต่ละคนนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเด็กไปจนถึงวัยรุ่นสามารถทานไข่ได้ถึงวันละ 1 ฟอง ส่วนคนวัยทำงานการทานไข่สัปดาห์ละ 3 – 4 ฟองถือว่ากำลังดี แต่ในคนวัยชรานั้นไม่ควรทานไข่เกินสัปดาห์ละ 2 ฟอง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อไขมันและระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

เป็นที่ทราบกันดีว่าไข่ฟองเล็ก ๆ นั้นมีประโยชน์มากมายถ้าทานในปริมาณที่พอเหมาะ และที่สำคัญต้องปรุงให้สุก 100% ซึ่งประโยชน์ของไข่มีดังนี้ ช่วยบำรุงสมองทำให้มีความจำดีขึ้น การรับประทานไข่ไก่สามารถช่วยเรื่องการลดน้ำหนักได้เพราะทำให้อิ่มนานและไม่หิวบ่อย ไข่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเนื่องจากมีโปรตีนสูงซึ่งเหมาะกับทุกคน นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยวิตามินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมจากการถูกทำลายด้วยแสงยูวี และที่สำคัญไข่เป็นแหล่งอาหารที่มีราคาถูก

สำหรับต่างประเทศไข่เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน ซึ่งแต่ละประเทศนั้นจะมีเมนูไข่ที่ได้รับความนิยมไม่ว่าจะนำมาต้ม นึ่ง ทอด หรือแม้กระทั่งรับประทานแบบดิบ ๆ โดยเมนูไข่ดิบนั้นได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น วิธีการรับประทานก็ง่ายดายมาก ๆ เพียงแค่ตอกไข่ดิบใส่ข้าวร้อน ๆ ทานกับโชยุหรือซอสญี่ปุ่นเพียงแค่เมนูง่าย ๆ เช่นนี้ก็สามารถเป็นเมนูอันเลิศรสสำหรับชาวญี่ปุ่นได้แล้ว แต่มีข้อแม้ว่าไข่ที่จะนำมารับประทานแบบดิบ ๆ จะต้องเป็นไข่ไก่สดเท่านั้น

ความนิยมทานไข่ดิบในเมืองไทยก็มีเช่นกัน แต่จะอยู่ในเฉพาะกลุ่ม เนื่องจากการความกังวลเรื่องความสะอาดทำให้เมนูไข่ดิบไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มคนทั่วไป แต่มีกระแสเมื่อไม่นานมานี้เรื่องการนำไข่ดิบมารับประทาน โดยได้มีการส่งต่อผ่านโลกโซเชียลเรื่องการทำเมนูไข่ดิบดองน้ำปลา ซึ่งวิธีการก็ง่าย ๆ โดยการต้มซีอิ๊วหรือน้ำปลาเจือจางกับน้ำ แล้วนำน้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลทรายใส่ลงไปตามด้วยน้ำส้มสายชูนิดหน่อย ปรุงรสตามชอบ จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำเฉพาะไข่แดงลงไปแช่ทิ้งไว้ 1 คืนในตู้เย็นก็นำมาทานได้ วิธีการทำง่าย ๆ เช่นนี้ ทำให้วัยรุ่นไทยนิยมทำรับประทานกันอย่างกว้างขวาง จนหลายหน่วยงานด้านสุขภาพต้องออกมาแสดงความเป็นห่วง

เนื่องจากไข่ดิบมีโปรตีนชนิดปฏิชีวนะเป็นส่วนประกอบ ซึ่งโปรตีนชนิดนี้จะไปขัดขวางการทำงานของวิตามินหลายชนิดทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซับวิตามินได้ นอกจากนี้การรับประทานไข่ดิบยังส่งผลให้เกิดภาวะท้องร่วงได้ ดังนั้นการรับประทานไข่ที่ดีที่สุดคือ นำมาปรุงให้สุกเสียก่อนเพื่อสุขอนามัยที่ดี

 


ลืมเด็กไว้ในรถ อุบัติเหตุสุดเศร้าจากความประมาทจนคร่าชีวิตลูกน้อยแนะออกแบบเทคโนโลยีป้องกัน

                ปฏิเสธไม่ได้ว่าความประมาทนั้นเป็นต้นเหตุของความตายเสมอ เนื่องจากการไม่ระวัดระวังมักจะนำมาซึ่งความสูญเสียในทุก ๆ เรื่องซึ่งผู้ที่เสียใจที่สุดคือตัวของผู้ประมาทเอง หลายคนชอบอ้างความหลง ๆ ลืม ๆ ของตัวเองว่าเป็นสาเหตุของปัญหาต่าง ๆ แต่ความจริงแล้วมันคือความประมาทเลินเล่อที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กและดูเหมือนว่าผู้ใหญ่หลายคนจะมีปัญหาที่คล้ายกันนั่นคือการลืมเด็กไว้ในสถานที่ต่าง ๆ จนนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

เหตุการณ์นี้ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 เว็บไซต์ข่าวจากอังกฤษรายงานว่าเกิดเหตุการณ์สลดเมื่อครอบครัวพาเด็กชายเสี่ยวเถียนอายุ 3 ขวบ ไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล และกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ราว ๆ 11 โมง หลังจากนั้นครอบครัวจึงพากันไปทานอาหารต่อ จนกระทั่งเวลา 17.00 จึงนึกขึ้นได้ว่าลืมลูกไว้ในรถที่มีอุณหภูมิถึง 47 องศา เมื่อกลับไปที่รถอีกครั้งจึงพบว่าเด็กชายเสี่ยวเถียนได้เสียชีวิตไปแล้ว จากการสำรวจในที่เกิดเหตุทำให้ทราบว่าก่อนเสียชีวิตเด็กชายเสี่ยวเถียนได้พยายามตะเกียกตะกายเพื่อเอาชีวิตรอดโดยมีรอยนิ้วมือปรากฎที่กระจกและหมดสติในที่สุด

อีกหนึ่งเรื่องราวอันน่าเศร้าเกิดขึ้นที่รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กอีกเช่นกัน ซึ่งเป็นเด็กชายตัวน้อยมีอายุเพียง 1 ขวบถูกพ่อแท้ ๆ ลืมไว้ในรถ จนกระทั่งเพื่อนบ้านได้ยินเสียงเด็กร้องอยู่เป็นเวลานานจึงตัดสินใจตามหาที่มาของเสียง และพบว่าเป็นเด็กชายตัวน้อยนอนสลบอยู่ในรถท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุ เพื่อนบ้านจึงช่วยกันปฐมพยาบาลและพาเด็กส่งโรงพยาบาล แต่หมอไม่สามารถยื้อชีวิตน้อย ๆ นี้ไว้ได้โดยระบุว่าเด็กเสียชีวิตก่อนหน้านี้เกือบชั่วโมงแล้ว เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าสลดเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับประเทศไทยเองก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดเกิดขึ้นที่จังหวัดปัตตานีจากความประมาทของคนขับรถรับส่งนักเรียนเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยพบศพของ ด.ญ. นูระนาเดีย มะ ที่เบาะนั่งหลังสุดของรถตู้รับส่งนักเรียนในสภาพขาดอากาศหายใจ ภายหลังสืบทราบว่าพนักงานขับรถอายุ 23 ปี ไม่ได้ตรวจเช็คนักเรียนก่อนทำการดับเครื่องรถเป็นผลให้เด็กหญิงที่กำลังนอนหลับอยู่เบาะหลังเกิดอาการฮีทสโตรกและหมดสติเสียชีวิตในเวลาต่อมา ด้านแม่ของเด็กหญิงเผยว่ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากแต่ไม่ติดใจเอาความโดยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานในการเอาผิดทางกฎหมาย ซึ่งคนขับรถตู้คนนี้ถูกแจ้งข้อหาเรื่องกระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

จากกรณีดังกล่าวจะเห็นว่าการสูญเสียทั้งหมดล้วนมาจากความประมาทเลินเล่อของผู้ใหญ่ ดังนั้นการตรวจเช็คทุกอย่างก่อนลงจากรถจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือป้องกันด้วยการฝึกให้เด็กรู้จักเอาตัวรอดจากการถูกลืมไว้ในรถด้วยการสอนให้เปิด/ปิดประตูและหน้าต่างรถด้วยตัวเอง หรือบีบแตรเมื่อไม่สามารถออกมาจากรถได้ ดังนั้นสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สมัยใหม่ควรเสนอให้มีการสร้างนวัตกรรมไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจจับความเคลื่อนไหว และส่งสัญญานแสดงว่ายังมีคนอยู่ในรถหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ควรถูกนำมาคิดต่อและพัฒนาเพื่อป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้เพราะการป้องกันและความไม่ประมาทจะไม่นำมาซึ่งความสูญเสียในอนาคต

 


นวัตกรรม AI สุดล้ำ ทำหน้าที่หลายอย่างได้คล้ายมนุษย์คาดอาจเกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น

เทคโนโลยี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์นั้นเกิดจากการพัฒนาจนนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นการสร้างเพื่อนำมาพัฒนาในด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ยังช่วยผ่อนแรงและย่นระยะเวลาของมนุษย์สำหรับการประดิษฐ์คิดค้นนวัตรรมใหม่ ๆ ชนิดอื่นต่อไป แต่ความเก่งกาจและการจัดการความคิดในสมองของ AI เหล่านี้อาจส่งผลให้มนุษย์รุ่นใหม่ในภายภาคหน้าอาจพากันว่างงานเพราะถูกแทนที่โดยปัญญาประดิษฐ์ไปแล้วก็ได้

บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิ้ลก็ได้ออกนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์มาให้ได้ใช้งานเช่นกัน นั่นก็คือ  Google Assistant ซึ่งเป็นระบบที่ปรึกษาที่ถูกผนวกเข้ากับ AI ทำให้สามารถรับคำสั่งทางโทรศัพท์ และสนทนากับมนุษย์คู่สายแทนมนุษย์ได้ เช่น การโทรนัดร้านตัดผม โทรจองโต๊ะอาหาร หรือการโทรนัดหมายสำคัญต่าง ๆ โดยระบบ AI ของกูเกิ้ลสามารถสนทนาได้เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูด และการรับมือกับอารมณ์ของคู่สนทนา รวมทั้งมีน้ำเสียงและจังหวะการพูดที่คล้ายกับมนุษย์จริง

ฝั่งเอเชียเองก็ได้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ให้ก้าวล้ำเช่นเดียวกันโดยเฉพาะการสร้าง AI เพื่อตอบสนองต่อระบบการพัฒนาการศึกษา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่นมีการวางแผนว่าอีก 2 ปีข้างหน้านักเรียนในระดับชั้นประถมและมัธยมต้นจะต้องมีครู AI สำหรับการสอนภาษาอังกฤษทั่วประเทศจำนวนกว่า 500 ชั้นเรียน โดยกระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่นถือว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่นักเรียนญี่ปุ่นทุกคนต้องได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะเรื่องการสนทนา และสำเนียงการสื่อสารที่ชัดเจน ดังนั้นการทุ่มงบเพื่อครูสอนภาษาอังกฤษ AI จึงเป็นการลงทุนที่ไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน

อีกหนึ่งความก้าวล้ำของวิทยาการปัญญาประดิษฐ์ที่ถือว่าเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ของโลกนั้นถูกสร้างโดยบริษัทดีปมายด์ (Deep Mind) ซึ่งอยู่ในเครือกิจการเดียวกับกูเกิ้ล ได้ออกแถลงการณ์ว่าตนสามารถพัฒนาหุ่นยนต์ AI ให้มีปัญญาคล้ายกับคนได้ โดยการสร้างเซลล์โครงข่ายประสาทเทียมให้มีความคล้ายคลึงกับสมองของมนุษย์มากที่สุด เพื่อให้ AI ได้มีการคิดวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง จากนั้นได้จำลองการหาทางออกจากเขาวงกตโดยให้ปัญญาประดิษฐ์ชนิดนี้ได้พยายามหาทางออก และเมื่อทดลองอยู่หลายครั้งจึงพบว่า AI สามารถใช้ทักษะจากการฝึกหลาย ๆ ครั้งและประมวลผลจนหาทางออกจากเขาวงกตได้ในที่สุด แสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถใช้ความจำ และระบบคิดวิเคราะห์ที่ถูกเลียนแบบจากสมองมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด

ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้ทราบว่ามนุษย์สามารถสร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เคยจินตนาการไว้ในอดีตให้เป็นความจริงได้ หลายคนจึงเป็นกังวลเรื่องการถูกลดการจ้างงานจากบรรดาบริษัทต่าง ๆ ดังนั้นมนุษย์เองควรใช้ความกังวลเหล่านี้เป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดใจเรียนรู้วิวัฒนาการใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาใช้เพื่อทุ่นแรงในการทำงานได้เพื่อที่จะไม่กลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถที่ถูกแทนที่ได้ด้วย AI ในอนาคต

 


ชาวเวเนซุเอล่าพากันอพยพซบไหล่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องจากพิษเศรษฐกิจ

เมื่อพูดถึงวิกฤตเศรษฐกิจก็เป็นที่ทราบกันดีว่าหลายประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประเทศเวเนซุเอล่าเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบนี้ ส่งผลให้ผู้คนที่อาศัยและทำงานอยู่ในเวเนซุเอล่าต้องอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องซึ่งบรรดาผู้อพยพนี้ 30% เป็นชาวเวเนซุเอล่า

เมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมาสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในกรุงโบโกโต ประเทศโคลัมเบียได้รายงานว่า มีผู้อพยพจากประเทศเวเนซุเอล่าเข้ามายังประเทศโคลัมเบียถึง 550,000 คน จากผลกระทบของปัญหาทางเศรษฐกิจภายในประเทศทำให้คนโคลัมเบียที่อาศัยอยู่ในเวเนซุเอล่าต้องหนีกลับมายังประเทศตัวเอง รวมทั้งชาวเวเนซุเอล่าเองต้องอพยพออกจากประเทศเพื่อเอาชีวิตรอด จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผลให้รัฐบาลโคลัมเบียจำเป็นต้องช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว และมอบปัจจัยพื้นฐานสำหรับการดำรงชีพ เช่น น้ำ อาหาร ยารักษาโรค ให้กับผู้อพยพเพื่อทำการหาที่อยู่ถาวรต่อไป

ปัญหาเศรษฐกิจในเวเนซุเอล่าดูเหมือนว่ายังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังสืบเนื่องมาจนเดือนมิถุนายนในปีเดียวกัน โดยมีจำนวนผู้อพยพออกจากประเทศมายังโคลัมเบียซึ่งบางคนมีแผนว่าจะเดินทางต่อไปยังประเทศเอกวาดอร์ทำให้จำนวนผู้อพยพนั้นมีมากขึ้นกว่าล้านคน สำนักข่าวจากโคลัมเบียได้รายงานไว้ว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศโคลัมเบียต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่าตัวเพื่อรองรับการทำงานในด้านการตรวจสอบเอกสารการเข้าเมืองของผู้อพยพจากเวเนซุเอล่าจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ความคาดหวังที่ชาวเวเนซุเอล่าได้ให้ไว้กับรัฐบาลนั้นดูเหมือนจะเป็นความหวังอันเลือนลาง เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อนั้นยังคงเรื้อรัง และดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งตลอดระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมาได้มีจำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านคนเพราะทนกับปัญหาภาวะข้าวยากหมากแพงจนต้องอดมื้อกินมื้อไม่ไหว ซึ่งการอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้นไม่ใช่แค่โคลัมเบียแต่ลุกลามไปถึงประเทศแถบละตินอเมริกาใกล้เคียงเช่น เอกวาดอร์ บราซิล และเปรู ส่งผลให้ประเทศเหล่านี้ต้องสร้างมาตรการที่รัดกุมเพื่อรองรับผู้ลี้ภัย

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะวิกฤตเช่นนี้คือราคาน้ำมันที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลเวเนซุเอล่าที่เข้าไปแทรกแซง และควบคุมทุกอย่างทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้คนที่จ้างงานประชาชนกลายเป็นรัฐบาล และเมื่อรัฐบาลล้มจากภาวะการเมืองและเงินเฟ้อจึงไม่มีเงินจ้างประชาชน ดังนั้นการทำงานจึงต้องลดลงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 2-3 วัน ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนในหมู่ของชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน ถึงแม้รัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนสกุลเงินก็ยังไม่ทำให้ปัญหานี้ถูกคลี่คลาย คนเวเนซุเอล่าจึงพากันลี้ภัยไปตายเอาดาบหน้าในประเทศเพื่อนบ้าน

จะเห็นว่าสิ่งที่คิดว่าแน่นอนที่สุดกลับเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ฉะนั้นการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังจึงเป็นเรื่องที่เราควรคำนึงถึง โดยเฉพาะการมีเงินสำรองเพื่อใช้ในเวลาฉุกเฉิน เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ก็คือการไม่ฟุ่มเฟือย

 


ชาวโลจิสติกส์ เฮ! น้ำแข็งขั้วโลกละลายทำการขนส่งทางเรือถึงเร็วกว่ากำหนด

หลายปีมานี้ปรากฎการณ์โลกร้อนดูเหมือนจะยังคงทวีความรุนแรงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อโลกในหลาย ๆ ด้าน เช่น ผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้นก็ส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูง บรรดาสัตว์น้ำต่างพากันปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดในขณะที่สัตว์น้ำบางชนิดต้องสูญพันธุ์ไป และผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้แบคทีเรียบางชนิดเติบโต และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือภาวะอุทกภัยเฉียบพลันทำให้เกิดน้ำท่วมในบริเวณกว้าง บ้านเรือนเกิดความสกปรกซึ่งเป็นที่มาของโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งผลกระทบในด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจการประมง เมื่อจำนวนสัตว์น้ำลดลงจากภาวะน้ำเอ่อล้นเป็นผลให้จับสัตว์น้ำได้น้อยลง และอาจกระทบต่อผลผลิตและราคาที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวซึ่งในประเทศที่ต้องพบกับภัยธรรมชาติจากภาวะโลกร้อนเป็นผลให้การท่องเที่ยวต้องชะลอตัวต้องนำเงิน และเวลาจำนวนมากไปแก้ไขพัฒนาความเสียหายให้กลับมาคงเดิม

เหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อนที่หลายประเทศต้องเผชิญโดยเฉพาะประเทศในแถบขั้วโลก เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หลายหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงกับภูเขาน้ำแข็งต้องพากันอพยพหนีตายกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เคยตั้งสูงตระหง่านได้เคลื่อนตัวเข้ามาชนหมู่บ้านจากการละลายในอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้หมู่บ้านที่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่ต้องกลายเป็นหมู่บ้านร้างบ้างก็จมอยู่ใต้บาดาลทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น

แต่ใครจะรู้ว่าบางหน่วยงานมองเห็นโอกาสของช่องทางธุรกิจที่สะดวกขึ้นบนความเดือดร้อนเหล่านี้ โดยสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เมอสก์ ไลน์ กลุ่มธุรกิจด้านการขนส่ง พลังงาน และโลจิสติกส์ จากประเทศเดนมาร์ก วางแผนทดสอบการแล่นเรือขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางเดินเรือทะเลอาร์กติกของประเทศรัสเซียภายหลังจากที่ภูเขาน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกเริ่มละลาย โดยนำเรือขนส่งสินค้าที่บรรจุอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมตู้แช่ และตู้คอนเทนเนอร์ แล่นผ่านเส้นทางเดินเรือออกจากเมืองวลาดีวอสต็อก ทางตะวันออกของรัสเซียในสัปดาห์นี้มายังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กทางเหนือของรัสเซีย คาดว่าจะถึงช่วงปลายเดือนกันยายน แต่กลับมีสิ่งที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นนั่นก็คือเรือขนส่งสินค้ามาถึงจุดหมายเร็วกว่ากำหนด 14 วัน เนื่องจากสภาพอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนทำให้ภูเขาน้ำแข็งที่เคยกีดขวางเส้นทางการเดินเรือละลายกลายเป็นน้ำ ส่งผลให้การเดินเรือนั้นง่ายและเร็วกว่ากำหนด

สภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่นานาชาติต่างพากันรณรงค์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามแก้ปัญหาต่าง ๆ กลับไม่เป็นที่พึงพอใจมากนัก ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจบางกลุ่มเล็งเห็นช่องทาง และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจตน เรียกว่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างแท้จริง

 


โฆษณาเกินจริง อังกาบหนู ทุเรียนเทศ บริโภคมากเกินไปส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว

ความเจ็บป่วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดจึงเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า “ การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ” แต่เมื่อเกิดโรคแล้วไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรง หรือไม่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการรักษาด้วยวิทยาการสมัยใหม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมากทำให้ผู้ป่วยหลายคนหันมาพึ่งการรักษาตามหลักธรรมชาติ โดยการใช้สมุนไพรมักจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย

ถึงแม้ว่าวงการการแพทย์สมัยใหม่จะพัฒนาด้านการรักษา และยาปฏิชีวนะไปมากแต่ยาสมุนไพรก็ยังถูกใช้มากเช่นกัน เนื่องจากยาแผนปัจจุบันผลิตมาจากสารเคมีจึงมีผลข้างเคียงส่งผลต่อสุขภาพและอวัยวะบางส่วน ซึ่งยาแผนปัจจุบันนั้นออกฤทธิ์ในระยะเวลาอันรวดเร็วจึงส่งผลต่อการปรับสมดุลในร่างกาย ดังนั้นการใช้ยาสมุนไพรร่วมด้วยจะเข้าไปช่วยเรื่องการปรับสมดุล และยังช่วยต้านอนุมูลอิสระลดผลข้างเคียงจากสารเคมีลงได้ แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอซึ่งสมุนไพรก็เช่นกัน

หลายปีมานี้เรามักจะเห็นข่าวสารเรื่องการแห่แหน และตื่นตัวของชาวไทยต่อโฆษณาของสมุนไพรต่าง ๆ ถึงแม้ว่าสมุนไพรบางชนิดนั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาก็ตาม แต่ชาวไทยส่วนใหญ่มักเชื่อคำโฆษณาแบบปากต่อปากส่งผลให้เกิดความนิยมแบบเฉียบพลันจนสมุนไพรชนิดนั้นขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้น

ถ้ายังจำกันได้ราว ๆ 3 – 4 ปีที่แล้วเกิดกระแสทุเรียนเทศจากคำโฆษณาซึ่งไร้ที่มาว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ทำให้คนไทยบางกลุ่มต่างพากันหาซื้อต้นไม้ชนิดนี้ เนื่องจากสรรพคุณที่ได้ยินมาว่า ช่วยลดความดันโลหิต ลดอาการปวดเกร็งในช่องท้อง ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยรักษาอาการปวดข้อ รูมาตอยด์ ลดอาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับ แต่ไม่พบว่าใช้ทุเรียนเทศในการรักษามะเร็ง ความเข้าใจผิดนี้ทำให้หลายคนคิดว่าการบริโภคทุเรียนเทศในจำนวนมากอาจช่วยเรื่องมะเร็งได้ แต่การวิจัยพบว่าการบริโภคทุเรียนเทศในจำนวนมากอาจส่งผลเสียต่อไตในระยะยาวจนเกิดอาการไตวายเฉียบพลันได้

ล่าสุดได้ค้นพบพืชอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เนื่องจากความเชื่อที่ว่าสามารถรักษาโรคได้อีกเช่นกันนั่นคืออังกาบหนู เป็นพืชประเภทวัชพืชที่ขึ้นอยู่ตามภูเขามีดอกสีเหลืองเรียกอีกอย่างว่าเสลดพังพอน โดยมีการระบุถึงสรรพคุณดังต่อไปนี้ ใบใช้แก้อาการปวดฟัน ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน ใช้หยอดหูแก้หูอักเสบได้ สามารถแก้พิษงู และโรคปวดตามข้อ นอกจากนี้สารสกัดจากรากอังกาบหนูยังมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิดได้อีกด้วย ซึ่งมีผลต่อการลดและระงับอสุจิในเพศชายอาจทำให้เป็นหมันได้เมื่อบริโภคในจำนวนมากเป็นเวลานาน ๆ

จะเห็นว่าทุกอย่างล้วนมี 2 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะหรือยาสมุนไพรก็ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นการบริโภคยาทั้ง  2 ประเภทนี้ควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น