วงการบันเทิงที่เปลี่ยนไปกับบทบาทใหม่ในสังคมไทย

เมื่อพูดถึงวงการบันเทิงในบ้านเรายุคปัจจุบัน ได้มีการเปิดกว้างเสรีมากขึ้น จากเก่าก่อนเราจะได้ดูรายการบันเทิงต่าง ๆ ผ่านทางทีวีของแต่ละช่อง ที่มีผลงานให้เราติดตามหรือชื่นชอบจากดารา นักแสดง นักร้อง ที่สังกัดทางช่องหรือทางค่ายเท่านั้น ซึ่งรายได้สำหรับคนที่ทำงานในวงการบันเทิงอย่างดารา นักแสดง นักร้อง นั้นดีมาก เพราะแบรนด์ต่าง ๆ สามารถทำการตลาดสร้างยอดขายที่ดีได้จากการลงโฆษณาทีวีคั่นรายการ โดยใช้นักร้องนักแสดงเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการโฆษณาสินค้า ดังนั้นจะมีคนที่เด่นดังเพียงเฉพาะบางกลุ่ม ผิดกับยุคปัจจุบันที่วงการบันเทิงไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มดารานักร้องนักแสดงในทีวีเท่านั้น แต่การบันเทิงได้กระจายไปสู่ผู้คนให้ได้แสดงความรู้ ความสามารถ ความสนุก สร้างสีสัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ด้วยช่องทางโซเชียลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยูทูป อินสตราแกรม เฟสบุ๊คไลฟ์ โดยไม่ได้จำกัดรูปร่าง หน้าตา ฐานะ ระดับการศึกษา แต่ประการใด แค่กล้าแสดงออก มีความเป็นธรรมชาติ และเป็นเอกลักษณ์ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้คนมากมายให้ความสนใจเข้ามาชื่นชอบและกดติดตามกันเป็นแสนเป็นล้านคนทีเดียว เรียกว่าดังข้ามคืนกันเลย เพราะแท้จริงแล้วทุกคนก็เป็นทั้งผู้กำกับละครและนักแสดงในบทบาทชีวิตของตัวเองทั้งนั้น คนทุกคนในโลกที่เล่นโซเชียล มีโอกาสที่จะสร้างสีสันความบันเทิงด้วยกันได้ทั้งสิ้น แค่กล้าที่จะทำ

บทบาทของการบันเทิงที่มีต่อสังคมไทย

1.กระจายรายได้ให้กับคนในประเทศ

จากเดิมที่แบรนด์ต่าง ๆ จะทำการตลาดทางทีวี โดยจ้างพรีเซ็นเตอร์แพง ๆ ปัจจุบันได้เพิ่มรูปแบบ โดยการเข้ามาติดต่อทำการโฆษณา ทางโซเชียลที่นิยมกันอย่างช่อง ยูทูป โดยผ่านช่องของเราที่มีคนติดตามมาก ๆ และยูทูปก็จ่ายเงินให้กับเราค่าโฆษณาที่มีแบรนด์มาว่าจ้าง ซึ่งเป็นการกระจายรายได้ที่กว้างขึ้นสู่ผู้คนภายในประเทศ

2.ได้สาระความรู้ที่เป็นประโยชน์มากมาย

เพราะในปัจุบัน นอกจากความบันเทิงแล้ว ก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มที่มีความรู้ความชำนาญในสาขาอาชีพของตัวเอง ได้ออกมาแบ่งปันข้อมูลสาระ และความรู้ที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้คนที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นการสอนภาษา ความรู้ทางธุรกิจ แชร์ประสบการณ์การใช้ชีวิตต่าง ๆ การจะก้าวข้ามปัญหา เหล่านี้เป็นต้น

3.ผ่อนคลายความเครียด

สำหรับหลาย ๆ คนที่ทำงานเหนื่อย ก็อยากพักสมองโดยการดูรายการที่ผ่อนคลายสมอง เรียกเสียงหัวเราะ สร้างรอยยิ้ม ก็สามารถดูได้สะดวกทางโซเชียลซึ่งมีหลากหลายความบันเทิงตามชอบ โดยไม่จำเป็นต้องดูเฉพาะทางทีวีที่จำกัดช่องเหมือนเก่า

 4.สร้างแรงบันดาลใจ

เนื่องจากคนไทยชอบตามกระแส ดังนั้นหากมีคนที่พวกเค้าชื่นชอบและติดตาม ได้ออกมาแชร์ถึงความยากลำบากที่เคยได้รับแล้วก้าวข้ามมันมาได้จนร่ำรวย ประสบความสำเร็จ ก็จะสร้างแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างที่ดีขึ้นมาได้

และนี่จึงเป็นการบันเทิงรูปแบบใหม่ในบ้านเรา ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายครบวงจร ใครชื่นชอบแนวไหนก็จะไปติดตามคนในกลุ่มสาขานั้น ๆ ซึ่งหากนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของตนเองแล้วก็จะเป็นการเสพการบันเทิงอย่างมีคุณค่านั่นเอง


วงการบันเทิงในบ้านเรา มีอิทธิพลต่อคนในประเทศอย่างไร

อย่างที่รู้กันดีว่า คนไทยส่วนใหญ่ชอบดูหนังดูละคร ดูรายการบันเทิงด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลก เกมโชว์ หรือ ข่าวบันเทิง โดยเฉพาะดาราคนไหนรักกับคนไหน เลิกกับคนไหน ทำอะไรกับใคร ทั้งดีไม่ดีก็มักจะเป็นที่จับตามองของสังคมเสมอ เพราะถือว่าเป็นคนของประชาชน ดังนั้นคนในวงการบันเทิงจึงจำเป็นต้องวางตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน และคนในประเทศ เหตุนี้เองจึงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า วงการบันเทิงนั้นมีอิทธิพลต่อคนไทยในประเทศเกือบร้อยเปอร์เซนต์เลยทีเดียว ซึ่งให้อะไรหลาย ๆ อย่างต่อคนในบ้านเราดังนี้

1.วงการบันเทิงสร้างความสุขความบันเทิงให้กับคนในประเทศ

เนื่องจากคนส่วนใหญ่ต้องทำงานเคร่งเครียด เหนื่อย ๆ พอได้พักผ่อนดูรายการบันเทิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ละคร กีฬา ตลก หรือซีรี่ส์ ก็ล้วนสร้างความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กับคนดูได้

2.วงการบันเทิงให้สาระความรู้ แนวทางการดำเนินชีวิต

นอกจากด้านบันเทิงต่าง ๆ วงการบันเทิงยังมีรายการข่าวสาร สาระ ความรู้ต่าง ๆ แบบอย่างเคล็ดลับการใช้ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากมาย มานำเสนอให้กับผู้ชมเกิดแนวคิดใหม่ ๆ ในการใช้ชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

3.วงการบันเทิงได้เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาแสดงความสามารถและได้รับโอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้น

จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้วงการบันเทิงเปิดกว้างขึ้นอย่างเสรี โดยการมีเวทีหรือรายการประกวดต่าง ๆ ให้คนทั่วไปได้เข้ามาแสดงความสามารถของตัวเอง เช่นการเต้น การแสดง การร้องเพลง เป็นต้น ซึ่งทำให้หลายคนเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจากยากจนให้ร่ำรวยได้รับโอกาสทางสังคมที่ดีขึ้น

4.คนในวงการบันเทิง เป็นแบบอย่างปลุกระดมทุนช่วยเหลือองค์กรของส่วนรวมต่าง ๆ

นักร้องนักแสดงส่วนใหญ่ลุกขึ้นมาทำประโยชน์เพื่อสังคม ปลุกระดมเงินทุนจากประชาชนในประเทศในการช่วยเหลือองค์กรส่วนรวมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล มูลนิธิคนพิการและเด็กกำพร้า มูลนิธิช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นต้น

5.วงการบันเทิงสร้างรายได้ให้กับประเทศ

แน่นอนภาษีส่วนใหญ่ในประเทศ มาจากรายการบันเทิงต่าง ๆ นักร้อง นักแสดง ช่องต่าง ๆ ล้วนต้องเสียภาษีให้กับรัฐในการพัฒนาประเทศ

6.วงการบันเทิงสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นกับคนในประเทศ

เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ติดตามสื่อและรายการข่าวสารด้านต่าง ๆ เป็นประจำสม่ำเสมอ ดังนั้นสื่อต่าง ๆ ในวงการบันเทิง สามารถสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจตรงกันได้ในเรื่องของการเชิญชวน ปลุกระดมให้ประชาชนชาวไทยรักใคร่ปรองดองและสามัคคีกันได้ โดยมีพระมหากษัตริย์ ชาติ ศาสนา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

7.วงการบันเทิงสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

จะเห็นว่าดารานักแสดงส่วนใหญ่ล้วนมากมายด้วยความสามารถ ไปโกอินเตอร์สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับประเทศมากมาย ไม่ว่าจะไปเล่นหนัง เดินแบบแฟชั่นโชว์ หรือเป็นพรีเซนเตอร์ก็ตาม นั่นหมายถึงวงการและนักร้องนักแสดงไทยได้รับการยอมรับจากประเทศต่าง ๆ ในโลก

อย่างไรก็ตามวงการบันเทิงก็ยังเป็นดาบสองคมอยู่ดี หากเยาวชนไปเลียนแบบบุคคลบางคนในวงการที่ทำตัวไม่ดี รวมถึงคนทั่วไปก็ควรแบ่งเวลาให้กับการบันเทิงหลังจากที่ต้องการพักผ่อน ผ่อนคลายไม่ให้กระทบถึงงานและความรับผิดชอบของตัวเอง


มาร์เวล ค่ายหนังแสนล้าน บุกตลาดโลกภาพยนตร์ โกยกำไรผ่านซุปเปอร์ฮีโร่

หากกล่าวถึงวงการภาพยนตร์ในศตวรรษนี้ คงปฏิเสธเรื่องกระแสความฮิตและคลั่งไคล้เหล่าซุเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ไปไม่ได้ และแน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงซุปเปอร์ฮีโร่ ก็ต้องนึกถึงจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Studio) ผู้ผลิตหนังฮีโร่ที่คุ้นเคยทั้งหลายและเป็นเหล่าขวัญใจมหาชนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เช่น ไอรอนแมน สไปเดอร์แมน เทพเจ้าสายฟ้าธอร์ มนุษย์ตัวเขียวจอมพลังอย่างเดอะฮัค และผองเพื่อนอื่น ๆ อีกล้นหลาม ที่เมื่อปลายเดือนเมษายน 2018 ได้ปล่อยตัวภาพยนตร์เรื่อง The Avengers: Infinity War ที่รวบรวมสุดยอดซุปเปอร์ฮีโร่มาเอาใจคอหนัง จนขายดิบขายดีได้รับรายได้ถล่มทลายเป็นจำนวนถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเพียง 11 วันที่ออกฉาย และในเมืองไทยเองก็ได้ครองอันดับภาพยนตร์ที่มีการจองตั๋วล่วงหน้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์มาแล้ว

ความต้องการ จินตนาการ และอรรถรสที่เพิ่มขึ้นในการดูภาพยนตร์

ด้วยกระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้ชมในหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่อย่างนี้ ค่ายภาพยนตร์ 20th Century Fox ก็ได้ชิงส่งต่อความสะใจแบบเดือด ๆ ถึงผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ด้วยภาพยนตร์ที่กล่าวกันว่า ไม่มีเรื่องใดจะมีบทภาพยนตร์ของฮีโร่ที่มีความเกรียน ความกล้าบ้าบิ่นแบบหลุดโลกมากไปกว่านี้อีกแล้ว นั่นก็คือเรื่อง DeadPool ภาค 2 ที่เป็นภาพยนตร์ฮีโร่ติดเรท R หมายถึง ห้ามเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีเข้าชม ถ้าไม่มีผู้ปกครองไปให้คำแนะนำอยู่ด้วย ซึ่งหนังก็ไม่เหมาะกับเยาวชนจริง ๆ เพราะมีเนื้อหาบทสนทนาและความรุนแรงในหนังมากทีเดียว แต่ด้วยเสน่ห์ของฮีโร่หน้ากากแดงชุดแดงพร้อมดาบคู่มาตะลุยสู้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อช่วยชีวิตเด็กชายตัวใหญ่ที่มีพลังวิเศษ และพยายามเตือนสติให้โตไปเป็นคนดี ก็โดนใจผู้ชมขาประจำที่ตามติดมาจากภาคแรกจนทำให้รายได้รวมในช่วงเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกอยู่ที่ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมยังเป็นหนังที่มีสถิติเปิดตัวนอกประเทศด้วยรายได้สูงสุดของค่ายไปอีกด้วย เรียกว่าเงินสะพัดค่ายกันไปเลย

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมในวงการภาพยนตร์ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา จึงมีการสร้างภาพยนตร์ที่เป็นแนวซุปเปอร์ฮีโร่ออกมามากมาย แถมยังเป็นภาคต่ออีกต่างหาก เพราะคนในยุคนี้ยินดีที่จะจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการเสพความบันเทิง ที่มาพร้อมกับตัวเอกที่มีความเหนือธรรมชาติ และเนื้อเรื่องที่สามารถนำพาจินตนาการที่เกินกว่าชีวิตปกติจะมีได้ รวมถึงความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นของทีมผู้สร้างในการสร้างภาพยนตร์ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง CG หรือ Computer Graphic มาใช้ในการดึงความรู้สึกผู้ชม สร้างความสนุกสนาน และความสะใจที่เหมือนจริงได้มากยิ่งขึ้น จนตัวลอยออกจากโรงภาพยนตร์กันไปเลย