คุณรู้จักอิสระภาพทางการเงินดีพอหรือยัง แนวคิดที่แตกต่างกันที่ทำให้สังคมมีคนจนและคนรวย

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงยังไม่รู้จักความหมายของคำว่าอิสระภาพทางการเงินกันดีพอ ซึ่งอิสระภาพทางการเงินที่มีความหมายแท้จริงนั้น ไม่ได้หมายถึงการมีเงินจำนวนมากมายมหาศาล แต่หากคือการที่เรามีรายได้ที่มั่นคงในแต่ละเดือนที่สามารถดูแลชีวิตตนเองและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ในด้านต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน การมีสุขภาพที่ดี การได้ท่องเที่ยวพักผ่อน มีเวลาส่วนตัวและมีเวลาอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่นและมีความสุข หรือพูดง่าย ๆ ว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขนั่นเอง โดยที่เราไม่ต้องทำงานลำบากตรากตรำหามรุ่งหามค่ำจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามแบบที่ใจเราต้องการ และอิสระภาพทางการเงินส่วนใหญ่ก็มักจะเกิดกับคนรวย เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีความเข้าใจในเรื่องของอิสระภาพทางการเงิน และมีแนวคิดที่แตกต่างจากคนจนโดยสิ้นเชิง ซึ่งเราจะพาคุณไปดูกันว่า คนจนกับคนรวยเค้าคิดต่างกันยังไง

แนวคิดที่แตกต่างของคนจนกับคนรวยแนวคิดคนจน คนจนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ใช้แรงงานแลกเงินให้มีรายได้มาในแต่ละวันแต่ละเดือน ก็ใช้ไปให้หมดในวันนั้นเดือนนั้น โดยไม่มีการออม และไม่มีการวางแผนทางการเงิน หนำซ้ำพอสินค้าต่าง ๆ มีการจัดโปรโมชั่น ให้ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง ก็จะรีบไปจับจองสินค้านั้นทันที โดยลืมคำนวนรายได้ในแต่ละเดือนว่าจะพอกับรายจ่ายหรือไม่ ยิ่งพอสถาบันทางการเงินออกบัตรเครดิตให้ ก็รีบกู้กันมาใช้จ่ายอย่างสบายใจ จนลืมคำนึงถึงดอกเบี้ยและภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น จนทำให้ในแต่ละเดือนไม่มีเงินออม เผลอ ๆ จะไม่พอค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพิ่มขึ้นมาอีก จึงทำให้คนกลุ่มนี้ต้องประสบกับปัญหา ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบจนเสียประวัติ และคนกลุ่มนี้ก็มักจะมีวงจรเดิม ๆ เช่นนี้ไปตลอดไม่สามารถสร้างฐานะให้ดีขึ้นมาได้ หากไม่เปลี่ยนแนวคิดเสียใหม่

แนวคิดคนรวย คนรวยคิดต่างจากคนจนตรงที่พวกเค้ามีการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย มีการเก็บออม และนำรายได้ที่มีไปขยายกิจการเพื่อต่อยอดเงินให้เพิ่มขึ้นจากเดิม และพวกเค้าจะทำงานหนักเพียงช่วงแรกหลังจากนั้นก็จะให้เงินทำงานแทน เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว พักผ่อน ท่องเที่ยว ได้อย่างมีความสุข ผิดกับคนจนที่ยังคงทำงานหนักแลกเงินเพื่อเลี้ยงชีพไปวัน ๆ ยกตัวอย่างคนรวยที่ให้เงินทำงานแทน เช่น การสร้างคอนโด อพาตเมนท์ให้คนเช่า เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าแค่แนวความคิดที่แตกต่างก็สามารถมีผลโดยตรงต่อวิถีชีวิตและฐานะของคนเรา ดังนั้นถ้าวันนี้คุณอยากมีอิสระภาพทางการเงิน ก็ควรนำแนวคิดแบบคนรวยมาใช้ และทิ้งนิสัยเดิม ๆ ที่เคยใช้จ่ายเกินตัวจนมีภาระหนี้สินมากมาย เริ่มมีการวางแผนการเงินที่ดี เท่านี้ก็จะทำให้คุณพบกับอิสระทางการเงินได้อย่างแน่นอน


อยู่อย่างไร ให้อยู่ได้และต้องอยู่ร่วมเป็นสังคมคุณภาพ


                มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อมีสังคมก็หมายความว่า จะต้องมีการอยู่รวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป มีการปฏิสัมพันธ์กัน มีการพูดคุย และมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน
ตื่นเช้าขึ้นมา อาบน้ำแต่งตัว แล้วไปทำงาน ตกเย็นมาเลิกงานกลับบ้าน แล้วนอน ชีวิตสัตว์สังคมที่เรียกว่ามนุษย์ก็มีประมาณนี้ เราต้องกิน ต้องใช้ ต้องหาความสุขเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ และที่สำคัญเราต้องรู้จักที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น เข้าใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ที่สุด

ขณะที่เดินไปทำงาน หรือกำลังห้อยโหนปีนป่ายรถเมย์ ก็มีคนอีกจำนวนเท่าไหร่ไม่อาจนับไหว กำลังทำในแบบเดียวกัน และก็คงจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ถึงแม้จะต้องดิ้นรน แข่งขัน เบียดเสียดยื้อแย่งกันขึ้นรถเพื่อให้ทันต่อการเข้าทำงาน ก็ต้องดิ้นรนโชคดีหน่อยบางคนไม่ต้องมีภาระให้รับผิดชอบมากมาย ตัวคนเดียว ดีกว่าคนที่มีภาระครอบครัว เพราะต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ แล้วต้องทำเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมั่นคงของชีวิต และอะไรคือตัวการันตีว่าเรา “จะมีความมั่นคงในชีวิต”  นั่นสิ อะไรล่ะ?

เงินฝากในบัญชีที่มีเลขถึง 6 หลัก หรือ บ้านหลังใหญ่โต รถคันหรูพร้อมแอร์เย็นช่ำ เอ๊ะ..หรือจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่คล่องตัวในการเดินทาง ที่กล่าวมาทั้งหมดมันคงไม่ผิด ถ้าจะบอกว่ามันมีความหมายใกล้เคียงกับความมั่นคงในชีวิต ความฝันอันสวยหรูเหล่านี้ ดูถ้าจะเป็นเพียงฝันกลางวันแหง ๆ

มาดูความเป็นจริงของชีวิต เงินฝากอย่ากระนั้นเลย 6 หลักเหรอ เอาแค่สี่ถึงห้าบางทีไม่เห็นหนทางจะเป็นไปได้เลย เอาจริง ๆ ตัวเลขติดลบอีกต่างหาก บ้านหลังใหญ่ ไม่รู้ว่าอายุ 60 ปีจะมีหรือเปล่า (ทุกวันนี้เช่าเขาอยู่บางเดือนก็ค้างค่าเช่า จะถูกไล่เมื่อไหร่ยังไม่รู้) รถคันหรู ขับทุกวัน เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู สลับกันไปแล้วแต่บางวัน แต่ขับให้นายนะ และอันสุดท้าย รถมอเตอร์ไซค์ อืม..ดูเหมือนอันสุดท้ายนี่แหละที่พอจะมีหวัง

อยากทำฝันให้เป็นจริง มีวิธีมาแนะนำถ้าอยากมีบ้าน มีรถ ง่ายมากก็ไปกู้สิ! เดี๋ยวนี้ธนาคารหลายแห่งมีมาตรการให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยถูก ระยะเวลาการผ่อนชำระนาน วงเงินกู้มากถึง 200,000 บาท มาตรการนี้เหมาะกับพ่อค้าแม่ขาย หรือผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก หรือ ธุรกิจประเภท SMEs ธนาคารที่ปล่อยกู้ก็จะเป็นธนาคาร ออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) อยากได้ลองไปติดต่อสอบถามดู กู้ไปแล้วก็ไปใช้ให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์กับชีวิตให้มากที่สุด ชำระค่างวดตามที่สัญญา เท่านี้ก็อุ่นใจทั้งทางผู้กู้และผู้ปล่อยกู้ แถมฝันยังเป็นจริงอีกต่างหาก

เศรษฐกิจเป็นเรื่องเกี่ยวกับเราทุกคน เราอาจจะบอกว่าไม่เกี่ยว แต่ตราบใดที่ยังกินข้าว ซื้อกะปิ น้ำปลา น้ำตาล อาบน้ำ ใช้ตู้เย็น เครื่องซักผ้า นั่นหมายความว่าเราเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดูง่าย ๆ ตอนนี้เรามีเงินใช้มากน้อยเท่าไหร่ ถ้าเรามีเงินใช้เพียงพอ ไม่ขาดมือ ก็บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอยู่ในขั้นดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ รู้สึกว่าเงินไม่พอใช้ ซื้อของได้นิดเดียว แน่นอนว่าเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่สังเกตง่าย ๆ คำถามที่เราต้องกลับมาถามตัวเองคือ จะอยู่อย่างไร ให้อยู่ได้?..