คนไทยเฮลั่นเตรียมยิ้มหวานกันทั้งแผ่นดิน ยาสูบเตรียมหนุน กัญชา & กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจ

เมื่อพูดถึงกัญชาหลายคนคงคิดถึงยาเสพติดที่ผิดกฎหมายและส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ครอบครัว และสังคมในวงกว้าง แต่บางประเทศได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกต้นกัญชาเพื่อนำมาใช้ทางการแพทย์โดยให้อยู่ในความควบคุมของรัฐ สำหรับสรรพคุณทางการแพทย์ของกัญชานั้นมีหลายอย่าง เช่น บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน ปวดประจำเดือน บรรเทาอาการหอบหืดเพราะมีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดลม ช่วยรักษาอาการเบื่ออาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็ง ใช้รักษาโรคผิวหนังได้ และยังสามารถรักษาโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดจากการสูบบุหรี่ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีชื่อ และคุณสมบัติคล้ายกันนั่นคือ กัญชง ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างอัศจรรย์จนได้รับการยอมรับในวงการการแพทย์หลายประเทศว่าควรหนุนให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกเพื่อนำมาพัฒนาเป็นยารักษาโรคในแขนงต่าง ๆ เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาบำรุงโลหิต ยาช่วยผ่อนคลายแก้ปัญหานอนไม่หลับ ยาแก้ปวดหัวรักษาไมเกรน ยาแก้อาการวิงเวียนศีรษะ ยารักษาโรคท้องร่วง โรคบิด นอกจากนี้กัญชงยังเป็นยาแก้ปวดชั้นดีช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดแผลในผู้ป่วยหลังผ่าตัด ยิ่งไปกว่านั้นเมล็ดกัญชงยังใช้เป็นยาสลายนิ่วได้อีกด้วย

สำหรับในต่างประเทศบางแห่งก็ได้มีการปรับแก้กฎหมายให้สามารถซื้อขายกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย เช่น ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายใหม่ อนุญาตให้ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการสามารถขายกัญชาเพื่อการพักผ่อนให้แก่ผู้ซื้อที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป โดยผู้ซื้อสามารถซื้อได้คนละไม่เกิน 1 ออนซ์/วัน ซึ่งผู้ซื้อจะต้องนำกัญชาไปบริโภคในพื้นที่ส่วนบุคคลเท่านั้น และห้ามขับขี่ยานพาหนะขณะที่ได้รับอิทธิพลจากกัญชา นอกจากนี้ยังห้ามนำกัญชาออกนอกรัฐ ในส่วนของผู้ขายนั้นนอกจากจะต้องขอใบอนุญาต และเสียภาษีในอัตราที่สูงแล้ว ยังห้ามโฆษณา และห้ามขายในยามวิกาลอีกด้วย ซึ่งการปรับแก้กฎหมายในครั้งนี้ส่งผลให้มลรัฐแคลิฟอร์เนียได้รายรับจากการเก็บภาษีกัญชาจำนวนมหาศาล และสามารถนำรายได้ส่วนนี้ไปพัฒนามลรัฐในด้านอื่น ๆ ต่อไป

ส่วนในบ้านเรานั้นเริ่มเห็นประโยชน์จากพืชเศรษฐกิจสองชนิดนี้ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมาได้มีการแถลงจากผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทยเรื่องเตรียมขยายธุรกิจเพื่อนำรายได้มาชดเชยส่วนที่เสียไปจากการแก้กฎหมายใหม่ของกรมสรรพสามิต โดยจะสนับสนุนให้ชาวไร่ผู้ปลูกยาสูบได้ปลูกพืชชนิดอื่นเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งกัญชาและกัญชงจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่จะได้รับการรับรองจากทางภาครัฐให้เป็นพืชถูกกฎหมาย และอยู่ในการควบคุมของรัฐอย่างใกล้ชิดในระหว่างทำการปลูกเพื่อนำไปเป็นผลผลิตทางการรักษาในวงการการแพทย์ และอาหารเสริมของประเทศต่อไป

สิ่งที่หลายคนเป็นกังวลก็คือ การปรับแก้ให้สิ่งผิดกฎหมายได้กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายนั้นอาจส่งผลเสียต่อเยาวชนและสังคมในอนาคต แต่ยังคงเชื่อว่าการประกาศครั้งนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมากดังนั้นในฐานะประชาชนของประเทศจึงต้องรอดูต่อไป

 


ทางออกของธุรกิจนิตยสารกับพฤติกรรมการอ่านของนักอ่านยุคดิจิทัล เมื่อตัวหนังสือมาโลดแล่นบนแพลตฟอร์มออนไลน์

ถึงแม้ว่าการได้เดินเลือกซื้อหนังสือเล่มจริง ๆ ที่ร้าน จะยังเป็นกิจกรรมที่บรรดาเหล่านักอ่านชื่นชอบทำหากมีเวลาว่าง แต่ด้วยความสะดวกสบายที่เทคโนโลยีมอบให้เราในทุกวันนี้ การที่นักอ่านสามารถเลือกเรื่องราวที่ชื่นชอบมากมายในโลกได้เพียงแค่สะบัดนิ้วมือบนจอไอแพด แท็บเล็ต หรือจอมือถือ และการอ่านบนเครื่องมือเหล่านี้ ก็ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการอ่านของนักอ่านยุคดิจิทัลไปอย่างมาก ทั้งเรื่องของราคาที่ถูกกว่า ไม่ต้องแบกหนังสือหนัก ๆ ไปทุกที่

ในขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้อ่านก็ส่งผลกระทบกับธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ หรือนิตยสารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรืออาจจะเรียกว่าได้ส่งผลรุนแรงต่ออุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์อย่างชัดเจน เห็นได้จากการที่นิตยสารหลายสำนักได้ปิดตัวลง หรือบางสำนักก็ปรับตัวเล็กน้อย โดยการลดขนาดหรือเนื้อหาลงเพื่อลดต้นทุน แต่ทั้งนี้เช่นเดียวกับธุรกิจในภาคอื่น ๆ ที่หากไม่ปรับตัวด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลธุรกิจในอนาคต ก็อาจจะต้องจบลงและล้มหายตายจากไปได้ในที่สุด

การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดคือเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร และแท้จริงแล้วเทคโนโลยีคือมิตรที่ดีที่สุดในยุคนี้

หากการดำเนินธุรกิจจะต้องเปลี่ยนไปด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยี ธุรกิจใดที่ปฏิเสธกระแสเทคโนโลยีนั้นก็ไม่สามารถไปต่อได้ในเมื่อเทคโนโลยีกำลังเป็นพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจในทุกภาคส่วนซะแล้ว ธุรกิจนิตยสารหรือสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีของดี คือเนื้อหาที่อยู่บนหน้ากระดาษ จึงควรต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของเนื้อหานั้นให้ขึ้นไปอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้บริการกับนักอ่านในยุคดิจิทัลให้ได้โดยเร็ว ประกอบกับการจัดการด้านการตลาดที่เข้มข้นขึ้น เพราะต้องแข่งขันกับเนื้อหาอื่น ๆ ที่วิ่งไปมาบนหน้าจอของนักอ่าน เช่น ข่าวด่วนต่าง ๆ หรือ สินค้าออนไลน์ที่มาแย่งเวลาในการอ่านไป เป็นต้น

การปรับประเภทของเนื้อหาในนิตยสารให้เข้ากับเทรนด์ของผู้อ่านยุคดิจิทัล ก็ถือเป็นอีกกลยุทธ์ที่ต้องปรับเปลี่ยน ผู้อ่านต้องการข้อมูลใหม่ ๆ เนื้อหาใหม่ ๆ ที่กระชับ ตรงประเด็นและสามารถแชร์ต่อได้ง่าย หากนิตยสารที่พัฒนาสู่นิตยสารออนไลน์แล้ว แต่ยังมีเนื้อหาที่ล้าหลังก็อาจถูกกลืนหายไปกับคลื่นของข้อมูลอื่นได้อยู่ดี สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่ธุรกิจนิตยสารจะต้องวางแผนอย่างเป็นระบบ รวมไปถึงการสร้างรายได้ผ่านการทำโฆษณาที่แทรกอยู่ในเนื้อหาก็เป็นอีกด้านที่ต้องเลือกวิธีการให้มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์กับธุรกิจ เพราะการแทรกหรือการแฝงโฆษณาในขณะที่ผู้อ่านกำลังอ่านในแพลตฟอร์มนิตยสารออนไลน์นั้นย่อมมีผลต่อการเลือกอ่านนิตยสารออนไลน์นั้น ๆ ต่อไปในอนาคตเช่นกัน

 


สินค้าไทยปะทะตลาดออนไลน์จีน เศรษฐกิจฝั่งการค้าปลีกกับทางลัดสู่ความสำเร็จ

จากสถิติที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของอาชีพพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในประเทศไทย เฉพาะที่จดทะเบียนอีคอมเมิร์ซเมื่อปี 2560 ก็มีอยู่ที่ประมาณ 30,000 ราย ไม่นับรวมที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าอิสระที่น่าจะทะลุเป็นหลักแสนรายแล้วในตอนนี้ เพราะจากที่สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิคส์ (สพธอ.) เผยตัวเลขการซื้อขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ตของไทยในปี 2559 พบว่ามียอดขายประมาณ 269,660 ล้านบาท จากการขายสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่มากพอตัว และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยเช่นกัน นั่นก็ทำให้การพยายามเปิดตลาดนำสินค้าไปขายในต่างประเทศนั้น กำลังเริ่มเป็นช่องทางที่ผู้ค้าออนไลน์มุ่งเป้าหมายไปถึง และแน่นอนว่าตลาดใหญ่มากที่อยู่ในโซนเดียวกันกับประเทศไทย ก็คือ พี่จีนยักษ์ใหญ่ทางตลาดการค้าออนไลน์ ( E-Commerce) นี่เอง

การตลาดออนไลน์ในประเทศจีน ความเฟื่องฟูที่นำมาสู่ความสำเร็จและโอกาสที่คว้าได้ของไทย

                ชาวจีนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าขายมาแต่ไหนแต่ไร และก็กำลังเป็นผู้นำในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย แถมยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำที่สุด และที่สำคัญในปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นแหล่งตลาดค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยืนยันได้ด้วยมูลค่าการค้าปลีกบนอินเทอร์เน็ตเป็นอันดับ 1 ของโลก แน่นอนว่าอาจด้วยจำนวนประชากรที่มากมาย แต่ชาวจีนเองก็มีการใช้จ่ายผ่านออนไลน์กันมากขึ้นด้วยอัตราที่รวดเร็วทีเดียว และด้วยปัจจัยเหล่านี้เอง พ่อค้าแม่ค้าไทยก็สามารถสร้างโอกาสในการเจาะเข้าตลาดที่ใหญ่ที่สุดนี้ได้เพียงปลายนิ้วคลิก

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญหากต้องการค้าขายกับจีนคือเรื่องของภาษา มีชาวจีนส่วนน้อยมากที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ นี่อาจจะเป็นจุดอ่อนของผู้ค้าไทยเช่นกัน เพราะเราก็ไม่ค่อยจะเข้าใจภาษาจีน ทำให้หากการสื่อสารกันผิดพลาด โอกาสที่เปิดกว้างก็อาจจะปิดลงได้ในทันที และมาพร้อมกับหายนะทางการค้า ดังนั้นหากผู้ค้าใดสามารถสื่อสารด้วยภาษาจีนได้ก็จะเพิ่มความเป็นไปได้ในการขยายตลาดได้ง่ายขึ้นมาก รวมไปถึงเรื่องของการเลือกเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ต้องการเจาะเข้าไปขายสินค้าไทยก็มีความสำคัญเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Taobao ที่เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของจีนและมีสารพัดสินค้ามากมาย ชนิดที่บางอย่างผู้ค้าคนไทยยังคิดไม่ถึง

เพราะการเลือกแพลตฟอร์มที่เข้ากับสินค้า หรือหากแพลตฟอร์มนั้นกำลังต้องการสินค้าของเรา ก็จะทำให้โอกาสในการเป็นที่รู้จักนั้นเพิ่มขึ้น ผู้ค้าจึงควรจะศึกษารายละเอียดเหล่านี้ให้ดี รวมไปถึงการเลือกวิธีการชำระเงินหรือด้านความสะดวกและประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ก็เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณากันให้ดีเลยทีเดียว

 


ธนาคารในไทย พี่ใหญ่ทางการเงิน สู่การปรับตัวและแข่งขันกับบริการน้องใหม่ที่มาพร้อมอาวุธเทคโนโลยี

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีด้านการเงินใหม่ ๆ หรือ การเงินรูปแบบดิจิทัล ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินและบริหารจัดการธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการเงินไปอย่างมากมาย เพราะแน่นอนว่าผู้ใช้บริการย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และความสะดวกสบายก็มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในข้อดีของบริการด้านนี้ที่เทคโนโลยีใหม่มอบให้

ธนาคารในประเทศไทยทุกแบรนด์ทุกสี ย่อมได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีดิจิทัลด้านการเงิน เช่น FinTech บล็อกเชน คิวอาร์โค้ด กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-wallet และแม้กระทั่ง พร้อมเพย์ เทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาสร้างบทบาทและเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ดังนั้นธนาคารที่ต้องการจะไปต่อและยังสามารถแข่งขันได้ ก็ต้องพยายามเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในด้านปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้คือ เรื่องการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ครอบคลุมและทั่วถึง การพัฒนาด้าน e-money และอีกด้านที่สำคัญเช่นกัน และยังมีการพูดถึงกันอยู่ไม่มากในประเทศไทยคือ เรื่องของ Crowd Funding ที่จะมากระทบระบบการให้กู้ยืมเงินของธนาคารนั่นเอง

ช่องทางการชำระเงินบนมือถือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และระบบการกู้ยืมเงินแนวใหม่ อุปสรรคหรือโอกาส

                มาถึงยุคดิจิทัลนี้ ธนาคารคงรู้ตัวแล้วว่าเกิดอุปสรรคใหม่ ๆ ต่อระบบธุรกิจแบบเดิม ๆ ของธนาคารอย่างมาก หากธนาคารมองว่านี่คือโอกาส สิ่งที่จะทำให้ธนาคารยังคงมีพื้นที่อยู่ได้อย่างมีบทบาทในโลกดิจิทัลก็คือการพัฒนาตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็วใน 3 ด้านที่ดูเหมือนว่ากำลังจะกลายเป็นระบบพื้นฐานของผู้บริโภคมากขึ้นทุกวันแล้ว เพราะผู้บริโภคยุคนี้ มีมือถือเป็นอวัยวะที่ 33 การพัฒนาช่องทางการชำระเงินบนมือถือจึงถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก และธนาคารเองก็กำลังปรับตัวมากขึ้นในด้านนี้ แต่ในเมื่อทุกธนาคารก็มีช่องทางการชำระแบบนี้แล้ว ใครที่อยากเป็นผู้นำก็ต้อง มองให้ไกลและวิ่งให้เร็วเพื่อสร้างความแตกต่าง ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ เพราะตอนนี้เงินฝากของลูกค้าเองก็ได้ถูกแบ่งส่วนไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นเช่นกัน

ดังนั้นเงินของลูกค้าจะอยู่ในระบบของธนาคารใดมากกว่า นี่ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายไม่ใช่น้อยเลย และการพัฒนาอีกด้านที่กำลังค่อย ๆ เพิ่มโอกาสทางการเงินให้แก่ลูกค้าที่ต้องการกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อมาประกอบธุรกิจ หรือนักธุรกิจรายใหม่ ๆ ที่ต้องการเงินทุนมาหมุนเวียน ก็คือการระดมทุนผ่านทางออนไลน์หรือ Crowd Funding นั่นหมายถึงว่า จากเดิมที่ลูกค้าต้องคอยมาลุ้นว่าจะมีธนาคารไหนอนุมัติเงินสินเชื่อให้ แต่ด้วยแพลตฟอร์มการระดมทุนออนไลน์ที่เปิดประตูสู่นายทุนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ธนาคารนี่เอง ก็อาจจะกระทบกับจำนวนที่ลดลงของนักธุรกิจหรือลูกค้าฝั่งสินเชื่อที่เคยเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญของธนาคารเช่นกัน

 


เปิดเทอมแล้ว ผู้ปกครองยุคใหม่กับการวางแผนการใช้จ่ายค่าการศึกษาของลูก ๆ

ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ผู้ปกครองนักเรียนไทยมีอันต้องเสียทรัพย์กันเป็นจริงเป็นจัง เพราะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาต่างพากันทำการตลาดอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน เสื้อผ้า ชุดนักเรียน รองเท้าถุงเท้า แต่ละแบรนด์พากันอัดโปรโมชั่นถล่มทลาย เพื่อแย่งชิงเงินในกระเป๋าของบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง จากข่าวการสำรวจของกรุงเทพโพลล์ในปี 2018 เปิดเผยว่า คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่มากถึงร้อยละ 66.8 ให้ข้อมูลว่า การให้ลูกได้เรียนพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนนั้น มีความจำเป็นในระดับมาก และในเรื่องการวางแผนด้านการศึกษาของลูก ๆ นั้น การเรียนภาษาที่ 3 เพิ่มเติมมีความจำเป็นร้อยละ 40.8 เช่น การให้ลูกไปเรียนภาษาจีนหรือ ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น และในส่วนการจัดสรรงบสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของลูก ๆ นั้นมีการจัดสรรเตรียมไว้แล้วคิดเป็นร้อยละ 70.6 ทั้งหมดนี้เป็นการเก็บข้อมูลสำรวจจากพ่อแม่และผู้ปกครองจำนวน 1,175 คน ที่มีลูกหลานเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษา หรือเทียบเท่าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาระที่ยิ่งใหญ่และหน้าที่ที่ปฏิเสธไม่ได้กับการหาเงินเพื่ออนาคตลูกหลานที่รัก

สอดคล้องกับผลการสำรวจปี 2018 ด้านพฤติกรรมของพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวน 400 คน ในเขตกทม. และปริมณฑลเช่นกัน ถึงเรื่องความกังวลใจในสภาพคล่องช่วงเปิดเทอมของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่เปิดเผยข้อมูลว่า ร้อยละ 64 มีความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและภาระหนี้สินที่ยังคงมีอยู่ นอกจากค่าเทอมแล้วก็ยังมีค่าบำรุงการศึกษา ค่ากิจกรรมพิเศษในโรงเรียน ค่าเรียนเสริมทักษะต่าง ๆ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ เช่น ค่ารถรับส่ง เป็นต้น โดยพ่อแม่ผู้ปกครองมีที่มาของเงินเพื่อการศึกษาของลูก จากการพยายามลดค่าใช้จ่ายประจำวันบางส่วนออกไป ประหยัดมากขึ้น และการนำเงินออมออกมาใช้ หรือบางคนก็มีการกู้ยืมเงินทั้งในและนอกระบบ เพื่อมาหมุนเวียนใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมนี้

ด้วยหน้าที่ที่หนีไม่ได้ของคนเป็นพ่อแม่ การวางแผนทางการเงินล่วงหน้าจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็มีความตั้งใจในการสนับสนุนด้านการศึกษา โดยการจัดโครงการด้านทุนการศึกษาเป็นประจำ เช่น ทุนนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ทุนการศึกษาต่อเนื่องพร้อมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามโรงเรียนของรัฐที่ช่วยเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่ผู้ปกครองมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายทางการศึกษาได้มีช่องทางผ่อนผันภาระลงได้บ้าง ส่วนในด้านของภาคเอกชน โรงเรียนกวดวิชาบางแห่งก็มีความเข้าใจถึงภาระของผู้ปกครอง จึงได้จัดรูปแบบการสอนไปสู่การเรียนผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น e – learning หรือการเรียนผ่านทางออนไลน์ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน เพื่อประหยัดภาระเรื่องการเดินทางและค่าหนังสือให้กับผู้ปกครองได้เช่นกัน

 


อาหารไทย 4.0 กับนวัตกรรมเพิ่มศักยภาพอาหารไทยให้โด่งดังยิ่งขึ้นในระดับโลก

งานแสดงสินค้าอาหารของไทย ( Thaifex – World of food Asia 2018 ) ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 61 ท่านรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้มีปาฐกถาพิเศษ ด้านการนำเทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมและยกระดับธุรกิจอาหารของประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในระดับโลก เป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตเห็นความสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ ธุรกิจอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่มีการให้บริการที่ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีในเกือบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ด้านการผลิต ด้านการบรรจุหีบห่อ การออกแบบแพ็กเกจ การขนส่ง ไปจนถึงการตลาดและการโฆษณา ที่ชวนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

ชื่อเสียงที่ดีและรสชาติที่โดนใจของอาหารไทย

อาหารไทยเป็นอาหารที่ชาวโลกต่างรู้ดีถึงชื่อเสียง และความเอร็ดอร่อย จากข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นในปี 2018 ที่จัดอันดับสุดยอดอาหารเด็ดจากทั่วโลก และยกให้แกงมัสมั่นของประเทศไทย คว้ารางวัลที่ 1 มาครอง ด้วยรสชาติที่เข้าเนื้อ ในการเคี่ยวส่วนผสมให้เข้ากันกับเนื้อวัว และเครื่องพริกแกงบวกกับกะทิ ที่ส่งกลิ่มหอมอันเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่แปลกที่อาหารไทยเมนูนี้จะได้รางวัลดังกล่าว รวมถึงเมนูต้มยำกุ้งก็ติดอันดับ 1 ใน 10 เช่นกัน ซึ่งข้อได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบที่มีความหลากหลายของประเทศไทยนี่เอง ที่ถ้าหากนำมาผสมผสานกับประโยชน์จากเทคโนโลยี ก็ยิ่งทำให้โอกาสในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารของไทยไม่ไกลเกินจริง

การเชื่อมโยงธุรกิจอาหารไทยกับธุรกิจการท่องเที่ยวไทย

                ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของภาคธุรกิจอาหารไทยนั้นคือ การที่มีวัตถุดิบมาจากหลากหลายแหล่งกระจายตามท้องถิ่นของประเทศไทย นั่นทำให้สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับแหล่งวัตถุดิบท้องถิ่นกับการท่องเที่ยวไทยได้อีกด้วย เป็นการเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นไทย ร่วมกับวัฒนธรรมการกินของคนไทยได้ ยกตัวอย่างเช่น การใช้เมนูอาหารไทยเป็นโปรโมทการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยเองก็มีการจัดงานเทศกาลอาหารไทยตามจังหวัดต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอาหารได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การจะก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลกนั้น จะต้องมองภาพของธุรกิจอย่างเป็นองค์รวม และใช้เทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริม ซึ่งอาจเริ่มต้นจากการใช้สื่อดิจิทัลมาส่งเสริมทางด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลก ได้รับข้อมูลข่าวสารและรู้จักอาหารไทยได้มากยิ่งขึ้น หรือการใช้ช่องทางออนไลน์ในการสร้างร้านค้า ที่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านอาหารไปสู่ตลาดโลกได้สะดวกสบายขึ้น

 


เทคโนโลยีกับสังคมสูงวัย การปรับตัวเข้าหากันและกันของทั้งสองฝ่าย

หลายปีมาแล้วที่มีการกล่าวถึงสังคมสูงวัย ไม่ใช่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่เป็นการกล่าวถึงในระดับโลก และมีการพยายามเชื่อมโยงประโยชน์ต่าง ๆ ของเทคโนโลยี เพื่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดกับผู้สูงวัย หรือข้อแนะนำในการปรับตัวของผู้สูงวัยให้พร้อมใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นประเทศที่มีอัตราส่วนของผู้สูงอายุมากที่สุดในโลกอย่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นประเทศใกล้บ้านกับประเทศไทย ที่ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีที่เรียกว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence หรือเรียกย่อ ๆ ว่า AI มาใช้ในการช่วยเหลือผู้สูงวัยในด้านต่าง ๆ เช่น หุ่นยนต์ที่ช่วยเหลือผู้สูงอายุในการเดินและช่วยเหลือตัวเอง ได้ในขณะที่อยู่ตามลำพัง หรือในประเทศโซนยุโรปอย่างสวีเดน ก็ได้มีการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อเป็นพยาบาลส่วนตัวของผู้สูงอายุ ไว้คอยช่วยสื่อสารกับทีมแพทย์ โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเอง ในประเทศไทยเองนั้นก็ทีมโปรแกรมเมอร์นักพัฒนามากมาย ที่ได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้ข้อมูลต่าง ๆ แก่ผู้สูงอายุ มีแม้กระทั่งการสามารถขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยแพทย์ฉุกเฉินต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเดียว ซึ่งการพัฒนาในหลากหลายรูปแบบเหล่านี้จากทั่วโลกคือการบ่งบอกถึงความตระหนัก และการใส่ใจในคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยที่ กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ความสะดวกสบายและการใช้จ่ายของผู้สูงวัย

                นอกจากเทคโนโลยีที่สร้างมาเพื่อสูงวัยโดยเฉพาะแล้ว เทคโนโลยีด้านการบริการที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกคนบนโลกใบนี้ อย่างเช่นการซื้อของออนไลน์และจ่ายเงินทางออนไลน์ (หรือการทำธุรกรรมออนไลน์) ก็ช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงวัยสามารถเป็นลูกค้าที่ดีในกลุ่มธุรกิจบริการออนไลน์นี้เช่นกัน จากรายงานของ The New Age of Thais ของนีลเส็น ให้ข้อมูลว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้สูงวัยรับหน้าที่หลักเป็นผู้จับจ่าย ซื้อของใช้เข้าบ้านแทนลูกหลาน โดยพฤติกรรมของการซื้อสินค้าของกลุ่มผู้สูงวัยนั้น เป็นการซื้อสินค้าประเภทที่เกี่ยวกับสุขภาพและอาหารสัตว์เป็นส่วนใหญ่ เพราะผู้สูงวัยมักนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงา และรวมไปถึงสินค้าประเภทเครื่องอุปโภคบริโภคทั่วไปเช่นกัน

เมื่อโครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนไปเช่นนี้ แน่นอนทีเดียวว่าต้องมีอิทธิพลต่อผู้ผลิตสินค้าและร้านค้าต่าง ๆ เพราะพฤติกรรมและกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ก็ทำให้นักการตลาดและแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าและคิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าผู้สูงวัยเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสื่อที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เช่น ฉลากสินค้าที่ตัวใหญ่เหมาะสม อ่านง่าย หรือแม้กระทั่งบริการที่ช่วยเบาแรง เช่น รถเข็นไฟฟ้า การบริการส่งสินค้าที่สะดวกรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงวัยกลายเป็นลูกค้าที่ดีต่อไป ซึ่งก็เป็นการดูแลผู้สูงวัยไปด้วยเช่นกัน

 


แรงงานต่างด้าว มุ่งมั่นทำงาน ส่งเงินกลับบ้านเพิ่มขึ้น

ในประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานอยู่มาก เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วตำแหน่งงานต่าง ๆ ในประเทศไทยสำหรับคนต่างด้าวแล้ว ถือเป็นแหล่งรายได้ที่ดีกว่าการทำงานอยู่ในประเทศของตนเอง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งมีทั้งแรงงานชายและหญิง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวหญิงที่ประเทศไทยเองก็มีอัตราการรับแรงงานต่างด้าวหญิงเข้ามาทำงานก่อสร้างมากกว่า 200,000 คน เมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าทุกประเทศในโลกเลยทีเดียว

ซึ่งลักษณะของแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในไทยนั้นจะมีความขยันอดทน ทำงานในตำแหน่งงานและงานประเภทที่คนไทยมักจะไม่ค่อยอยากทำ และมีความพยายามพัฒนาตนเองในด้านภาษา ให้สามารถสื่อสารและขยับไปสู่ตำแหน่งงานที่สร้างรายได้ที่ดีขึ้น สอดคล้องกับรายงานข่าวของประเทศมาเลเซีย ที่ระบุว่าแรงงานต่างด้าวในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกนั้น สามารถส่งเงินกลับบ้านไปให้ครอบครัวในประเทศ และภูมิลำเนาของตนเองในปีที่ผ่านมามากถึง 256,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงตามรายงานของกองทุนเพื่อการพัฒนาด้านการเกษตรระหว่างประเทศ ของสหประชาชาติ (IFAD) โดยแรงงานจะทำงานอยู่ในภาคส่วนของงานการก่อสร้าง การทำงานดูแลบ้าน และการดูแลทางการแพทย์ เป็นส่วนใหญ่

อนาคตที่ดีขึ้นและค่าธรรมเนียมในการส่งเงินข้ามประเทศ

                จากรายงานของ IFAD ให้ข้อมูลว่าแรงงานต่างด้าวมีจำนวนครั้งในการส่งเงินกลับบ้าน เฉลี่ย 8 – 10 ครั้ง ต่อปี ซึ่งก็ทำให้ต้องพบเจอกับการจ่ายค่าธรรมเนียมในการโอนเงินข้ามประเทศ ที่รวมแล้วก็เป็นอัตราที่มากพอสมควร โดยรายงานจากยูเอ็นให้ข้อมูลว่า ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินข้ามประเทศของแรงงานต่างด้าวแต่ละคน เฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 7 % ของมูลค่าเงินทั้งหมดที่ส่งกลับบ้านเลยทีเดียว โดยทางยูเอ็นเองก็ได้มีการพยายามเร่งให้การช่วยเหลือทางด้านการเงินและเทคโนโลยี เช่นด้านอินเทอร์เน็ต เข้ามาช่วยสนับสนุนและเพิ่มความสะดวกสบาย และลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียม ให้คนต่างด้าวได้มีช่องทาง และโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวในอนาคต

โดยในประเทศไทยเองในปี 2018 นี้ ทางด้านของการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าว ก็มีการอนุญาตให้ปรับเพิ่มระยะเวลา ในการให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวมาทำการตรวจวีซ่า เพื่อให้เข้ามาอยู่และทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย ภายในสิ้นเดือนมิ.ย. 61 นี้ ทั้งนี้ยังมีการอำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ตลอดจนการยื่นเอกสารผ่านระบบออนไลน์ทางเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน รวมถึงล่าสุดได้มีการแจ้งให้นายจ้างที่มีสถานที่ทำงานในกทม. และมีลูกจ้างต่างด้าวที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ และตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว สามารถกำหนดวันนัดหมายเข้าศูนย์บริการเบ็ดเสร็จของกรมฯ (OSS) เพื่อจัดทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงานได้ด้วยตัวเองผ่านระบบ Internet ได้แล้วอีกด้วย

 


สุขภาพดีที่อยู่คู่บ้าน กับทางรอดของกระเทียมยุคเศรษฐกิจ 4.0

ข่าวสารด้านสุขภาพในยุคดิจิตอลได้ส่งตรงถึงมือ(ถือ) ของเราทุกคนได้อย่างรวดเร็ว แทบจะเรียกได้ว่าถ้าป่วยแบบกระทันหัน ก็สามารถหาอ่านวิธีแก้ไข หรือสืบค้นชนิดของยาเพื่อออกไปซื้อหามาบรรเทาอาการป่วยได้อย่างทันท่วงที และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านสุขภาพก็มีให้เลือกอ่านได้อย่างมากมาย และเทรนด์ของการทานอาหารของคนไทยก็จะมีอาหารมื้อหลัก 3 มื้อแต่มักเน้นไปที่มื้อเย็น และโดยปกติแล้วครอบครัวคนไทยก็มักจะประกอบอาหารทานที่บ้านหากมีเวลา และกระเทียมก็เป็นหนึ่งในของติดครัวไทยที่มักขาดไปไม่ได้ เนื่องด้วยมีเมนูอาหารที่ทำทานได้ไม่ยาก โดยมีกระเทียมเป็นส่วนผสมอย่าง ไก่ผัดกระเทียม หมูผัดกระเทียม ผัดผักและผัดกะเพรา ที่ต้องใช้กระเทียมเป็นตัวนำก่อนเริ่มผัด และเมนูอาหารอื่น ๆ อีกมากมายสารพัดอย่างของอาหารไทยที่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งกระเทียมนั้นถือเป็นพืชเศรษฐกิจและมีประโยชน์และสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายอย่างมากที่เราคนไทยควรรู้ไว้

กระเทียมกับคุณค่าทางโภชนาการและการป้องกันโรคต่าง ๆ

ข้อมูลเรื่องคุณค่าทางโภชนาการของกระเทียม จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะในภาครัฐเองก็ได้มีนโยบายสนับสนุน ในเรื่องของการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ เพื่อกระตุ้นให้คนไทยบริโภคอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ และเป็นประโยชน์จากอาหารที่หุงหาได้ภายในครัวเรือน นั่นเป็นเรื่องที่เหมาะสมในการที่จะหยิบประโยชน์และคุณค่าทางโภชาการของกระเทียมมาบำรุงสุขภาพกันในทุกวัน เพราะกระเทียมนั้นมีประโยชน์มากมาย เรียกได้ว่าจากข้อมูลวิจัยก็มีมากถึงเกือบห้าสิบข้อเลยทีเดียว

แต่จะขอยกตัวอย่างสักสิบข้อที่โดดเด่นในการช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ดังนี้ คือ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีจึงเหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ช่วยแก้อาการหอบ หืดและช่วยรักษาโรคหลอดลม ช่วยป้องกันการเกิดโรคไต รวมถึงช่วยป้องกันไข้หวัด ยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ด้วยสรรพคุณที่ดีเหลือเกินขนาดนี้

จึงเป็นเรื่องน่ายินดีของคนไทยที่เรามีของดีอยู่ใกล้ตัว ด้วยข้อมูลจาก USDA Nutrient database ก็พบว่าคุณค่าทางโภชนาการของกระเทียมก็มีอย่างครบถ้วนในส่วนของวิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี1, 2 วิตามิน C และแร่ธาตุพวกแคลเซียม, ฟอสฟอรัส, เหล็ก, โซเดียม, โปตัสเซียม และยังมีสารอาหารที่น่าสนใจ อยู่อีก 2 ชนิดด้วยกัน คือ ซีลีเนียมและวิตามิน B1 ชนิดพิเศษ

ดังนั้นการทานกระเทียมจึงเป็นเรื่องที่คนไทยที่รักสุขภาพควรบริโภคให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อตนเองและผู้เป็นที่รัก เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีขึ้นด้วยกัน แถมยังช่วยกันอุดหนุน สร้างรายได้ให้พี่น้องเกษตรกรคนไทยได้มีรายได้ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

 


มาร์เวล ค่ายหนังแสนล้าน บุกตลาดโลกภาพยนตร์ โกยกำไรผ่านซุปเปอร์ฮีโร่

หากกล่าวถึงวงการภาพยนตร์ในศตวรรษนี้ คงปฏิเสธเรื่องกระแสความฮิตและคลั่งไคล้เหล่าซุเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ไปไม่ได้ และแน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงซุปเปอร์ฮีโร่ ก็ต้องนึกถึงจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Studio) ผู้ผลิตหนังฮีโร่ที่คุ้นเคยทั้งหลายและเป็นเหล่าขวัญใจมหาชนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เช่น ไอรอนแมน สไปเดอร์แมน เทพเจ้าสายฟ้าธอร์ มนุษย์ตัวเขียวจอมพลังอย่างเดอะฮัค และผองเพื่อนอื่น ๆ อีกล้นหลาม ที่เมื่อปลายเดือนเมษายน 2018 ได้ปล่อยตัวภาพยนตร์เรื่อง The Avengers: Infinity War ที่รวบรวมสุดยอดซุปเปอร์ฮีโร่มาเอาใจคอหนัง จนขายดิบขายดีได้รับรายได้ถล่มทลายเป็นจำนวนถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเวลาเพียง 11 วันที่ออกฉาย และในเมืองไทยเองก็ได้ครองอันดับภาพยนตร์ที่มีการจองตั๋วล่วงหน้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์มาแล้ว

ความต้องการ จินตนาการ และอรรถรสที่เพิ่มขึ้นในการดูภาพยนตร์

ด้วยกระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้ชมในหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่อย่างนี้ ค่ายภาพยนตร์ 20th Century Fox ก็ได้ชิงส่งต่อความสะใจแบบเดือด ๆ ถึงผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ด้วยภาพยนตร์ที่กล่าวกันว่า ไม่มีเรื่องใดจะมีบทภาพยนตร์ของฮีโร่ที่มีความเกรียน ความกล้าบ้าบิ่นแบบหลุดโลกมากไปกว่านี้อีกแล้ว นั่นก็คือเรื่อง DeadPool ภาค 2 ที่เป็นภาพยนตร์ฮีโร่ติดเรท R หมายถึง ห้ามเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีเข้าชม ถ้าไม่มีผู้ปกครองไปให้คำแนะนำอยู่ด้วย ซึ่งหนังก็ไม่เหมาะกับเยาวชนจริง ๆ เพราะมีเนื้อหาบทสนทนาและความรุนแรงในหนังมากทีเดียว แต่ด้วยเสน่ห์ของฮีโร่หน้ากากแดงชุดแดงพร้อมดาบคู่มาตะลุยสู้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อช่วยชีวิตเด็กชายตัวใหญ่ที่มีพลังวิเศษ และพยายามเตือนสติให้โตไปเป็นคนดี ก็โดนใจผู้ชมขาประจำที่ตามติดมาจากภาคแรกจนทำให้รายได้รวมในช่วงเปิดตัวสุดสัปดาห์แรกอยู่ที่ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมยังเป็นหนังที่มีสถิติเปิดตัวนอกประเทศด้วยรายได้สูงสุดของค่ายไปอีกด้วย เรียกว่าเงินสะพัดค่ายกันไปเลย

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมในวงการภาพยนตร์ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา จึงมีการสร้างภาพยนตร์ที่เป็นแนวซุปเปอร์ฮีโร่ออกมามากมาย แถมยังเป็นภาคต่ออีกต่างหาก เพราะคนในยุคนี้ยินดีที่จะจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการเสพความบันเทิง ที่มาพร้อมกับตัวเอกที่มีความเหนือธรรมชาติ และเนื้อเรื่องที่สามารถนำพาจินตนาการที่เกินกว่าชีวิตปกติจะมีได้ รวมถึงความสามารถที่เพิ่มมากขึ้นของทีมผู้สร้างในการสร้างภาพยนตร์ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง CG หรือ Computer Graphic มาใช้ในการดึงความรู้สึกผู้ชม สร้างความสนุกสนาน และความสะใจที่เหมือนจริงได้มากยิ่งขึ้น จนตัวลอยออกจากโรงภาพยนตร์กันไปเลย