ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพ กับ อาหารแนวธรรมชาติบำบัด ช่วยให้ห่างไกลโรคร้าย

วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปมาก อาหารการกินที่เรารับประทานเข้าไปก็ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสารเร่งเนื้อแดงในหมู สารเร่งการเจริญเติบโตในไก่ สารฟอร์มาลีนในอาหารทะเล ดังนั้นจะทำอย่างไรที่จะทำให้สารพิษเข้าสู่ร่างกายได้น้อยที่สุด และขณะเดียวกันจะทำอย่างไรถึงจะล้างสารพิษดังกล่าวออกจากร่างกายได้ ไม่ตกค้างในลำไส้ อาหารแนวธรรมชาติบำบัดจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญสำหรับผู้คนที่รักสุขภาพ หรือผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายและดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ อาหารแนวธรรมชาติบำบัดว่ามันคืออะไร และส่งผลดีต่อร่างกายอย่างไร ผู้คนถึงให้ความสนใจกันมากในปัจจุบัน

มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อในวิถีมังสวิรัติ ได้กล่าวไว้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช เพราะลักษณะทางกายภาพของมนุษย์นั้นแตกต่างกับสัตว์กินเนื้อ โดยสิ้นเชิง สัตว์กินเนื้อมีระบบการย่อยอาหารที่สั้นเพียง 3 เท่าของลำตัว ทำให้เนื้อสดที่กินเข้าไปถูกย่อยสลายได้ง่ายและขับถ่ายออกมาได้เร็วก่อนที่จะมีการบูดเน่าอยู่ในลำไส้ของมัน ต่างจากมนุษย์ที่มีความยาวของลำไส้ประมาณ 12 เท่าของลำตัว ทำให้อาหารที่กินเข้าไปอยู่ในลำไส้ได้นานกว่าสัตว์ ดังนั้นหากมนุษย์กินผักผลไม้ร่างกายก็จะเป็นปกติ เพราะมันย่อยและถูกขับถ่ายออกจากร่างกายได้ง่าย แต่การกินเนื้อสัตว์จะทำให้ย่อยยาก และเกิดการเน่าเสียอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน กว่าจะได้ขับถ่ายออกมา นี่จึงเป็นสาเหตุแห่งการเกิดโรคภัยต่าง ๆ ในมนุษย์

อาหารแนวธรรมชาติบำบัดคือ

อาหารที่ถูกปรับให้ใกล้เคียงกับกายภาพของมนุษย์ โดยการนำอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยเน้นผักผลไม้ในสัดส่วนที่มากกว่าอาหารจำพวกแป้ง เนื้อสัตว์ และไขมัน เว้นการปรุงอาหารด้วยน้ำมันพืชที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม แต่อาจใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ในการปรุงอาหารได้ เปลี่ยนจากอาหารจำพวกแป้งเดิม ๆ อย่างข้าวขาว ขนมปังขาว มาทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท มันเทศ ข้าวโพด ธัญพืชต่าง ๆ ทานเนื้อสัตว์ในปริมาณที่น้อยลงมาประมาณ 1 ฝ่ามือต่อวัน และควรเลือกทานเนื้อสัตว์จำพวกปลา อกไก่ เนื้อหมูไม่ติดมัน ควรปรุงอาหารให้มีรสชาติอ่อนที่สุด และงดอาหาร เครื่องดื่มที่ทำลายสุขภาพ อย่างน้ำอัดลม เหล้า เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ เหล่านี้เป็นต้น

ประโยชน์ที่ได้รับจากการทานอาหารแนวธรรมชาติบำบัด

1.สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้น

2.มีภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดี ช่วยต้านโรคภัยได้

3.หน้าตาผิวพรรณสดใส

4.อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน

5.ห่างไกลโรคร้าย อย่างโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดิน และลำไส้

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่คนรักสุขภาพทั้งหลายให้ความสนใจ และหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองด้วยอาหารแนวธรรมชาติบำบัด เพราะเมื่อเราทานเนื้อสัตว์น้อยลง สารพิษในร่างกายก็ลดลงตาม และสำหรับใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลโรคร้ายต่าง ๆ ก็ลองปรับเปลี่ยนอาหารการกินตามแนวทางนี้กันดูนะ


ใช้ชีวิตตามเข็มนาฬิกาสัมพันธ์กับอาหารการกิน จะทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และอายุยืนยาวได้

เมื่อพูดถึงเรื่องสุขภาพ หลาย ๆ คนก็มักจะให้ความสำคัญ เพราะใคร ๆ ก็อยากมีสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น คุณเชื่อหรือไม่ว่า เราทุกคนสามารถมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ และมีอายุที่ยืนยาวขึ้นได้ หากได้ปฏิบัติตามแนวทางการดำเนินชีวิตตามเข็มนาฬิกาชีวิตที่สัมพันธ์กับอาหารการกิน โดยอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา นักธรรมชาติบำบัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองไทยจนถึงระดับโลก ซึ่งท่านได้ให้วิถีการดำเนินชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งนอนหลับ ที่สอดคล้องกับกลไกการทำงานในระบบต่าง ๆ ของร่างกายคนเราเป็นอย่างดี

ดำเนินชีวิตตามเข็มนาฬิกา

3.005.00น. เราควรตื่นนอนขึ้นมาเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ จะช่วยให้ปอดแข็งแรง และควรดื่มน้ำให้สดชื่นในตอนเช้า

5.007.00น. เราควรขับถ่ายเพื่อให้ลำไส้ใหญ่สะอาดและทำงานเป็นปกติ

7.009.00น. เราควรทานอาหารเช้า เพื่อให้กระเพราะอาหารทำงานได้เป็นปกติ และช่วงนี้ร่างกายต้องการนำสารอาหารไปบำรุงเลี้ยงดูส่วนต่าง ๆ จึงไม่ควรอดอาหารเช้าเด็ดขาด ถ้าเร่งรีบจริง ๆ อย่างน้อยก็ควรทาน กล้วยน้ำว้ากับโยเกิร์ต

9.0011.00น. ควรทานน้อย พูดน้อย และไม่ควรนอนหลับ เพราะจะทำให้ม้ามชื้น ไม่แข็งแรง และอ้วนง่าย ซึ่งช่วงนี้เราอาจทานขมิ้นชัน หรือมันเทศสีม่วง ซึ่งจะช่วยบำรุงม้ามให้แข็งแรงได้

11.0013.00น. ควรทำจิตใจให้แจ่มใส เบิกบาน ไม่เครียด หลีกเลี่ยงความร้อน และทานผลไม้เพื่อบำรุงหัวใจ งดเว้นของหมักดอง

13.0015.00น. ควรงดทานอาหารและน้ำ เพราะเป็นช่วงที่ลำไส้เล็กต้องการพัก จะทำให้ไม่มีโรคแทรกซ้อนหรือป่วยง่าย

15.0017.00น. ควรสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย หรือให้เหงื่ออก ด้วยการออกกำลังกาย หรืออบซาวน่า

17.0019.00น. ควรทำร่างกายให้สดชื่นกระปรี้กระเป่า ไม่ง่วงนอน

19.0021.00น. ควรทำจิตใจให้สงบด้วยการทำสมาธิหรือสวดมนต์

21.0023.00น. ไม่ควรอาบน้ำหรือตากแอร์ในช่วงเวลานี้ ควรทำร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ

23.001.00น. ก่อนเข้านอนควรดื่มน้ำอย่างน้อย1-2 แก้ว เพื่อบำรุงถุงน้ำดี และไม่ทำให้เลือดข้น

1.003.00น. เป็นช่วงที่ร่างกายควรพักผ่อนและนอนหลับให้สนิท เพื่อให้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ได้พัก และส่งผลโดยตรงให้ตับแข็งแรง ทำให้มีภูมิคุ้มกันที่ดี ไม่มีโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย

ซึ่งสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาสุขภาพและต้องการเริ่มต้นการดูแลสุขภาพ ก็ควรปรับเรื่องของเวลาให้เป็นไปตามนาฬิกาชีวิต รวมถึง การเริ่มทานอาหารสูตรล้างลำไส้และระบบดูดซึมต่าง ๆ เช่นน้ำมะละกอดิบกับชาจีน เพื่อให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันควรทานอบเชยต้มกินแทนน้ำหรืออาจเป็นแบบแคปซูล ควบคู่กับการทานอาหาร เพื่อลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน และทานขมิ้นชันเพื่อบำรุงกระเพาะอาหารและม้ามให้แข็งแรง รวมถึงน้ำกระชายเหลือง ที่ช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิงเพศชายให้สมดุล ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย เท่านี้ก็จะทำให้คุณมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนยาวอย่างแน่นอน


คนไทยฝืนกระแสในยุคตายผ่อนส่ง กับสูตรอาหารล้างลำไส้และระบบดูดซึมของร่างกายให้สะอาด

ในยุคปัจจุบันนี้ คนไทยต้องเจอกับปัญหามลภาวะ ฝุ่นควัน และท่อไอเสีย จากรถ จากโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ร้ายที่สุดกว่านั้น อาหารการกินของเรา ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ล้วนเจือปนมาด้วยสารพิษจากยาฆ่าแมลง สารเร่งเนื้อ หรือฟอร์มารีน เอาง่าย ๆ ว่าในสังคมยุคปัจจุบันนี้เราไม่มีทางเลือกมากในการใช้ชีวิตเลย หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเรากำลังอยู่ในยุคตายผ่อนส่งก็เป็นได้

สาเหตุหลักของโรคภัยไข้เจ็บ

โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นกับร่างกายคนเรา ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก การพักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะความเครียด และการไม่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมถึงเรื่องอาหารการกินซึ่งเป็นสาเหตุหลัก คนไทยในยุคปัจจุบันไม่ค่อยได้ใส่ใจในเรื่องอาหารการกินของตัวเองเท่าที่ควร เนื่องจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ต้องอยู่ในชั่วโมงเร่งรีบ หรือบางกลุ่มจะเน้นทานอาหารที่ตนเองชอบและมีรสชาติอร่อยถูกปากเท่านั้น จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่ชอบกินขนมนมเนย ของทอด ๆ มัน ๆ ที่รับวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติอื่น ๆ เข้ามา เช่น พิซซา แฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น ไม่ค่อยกินผักผลไม้ และกินอาหารพื้นบ้านของคนไทยในยุคดั้งเดิม เช่น ข้าวไม่ขัดสี กินกับผักสด และน้ำพริกปลาย่าง เริ่มหมดไป จะเห็นว่าคนไทยสมัยก่อนแข็งแรงไม่ค่อยมีโรคภัยไข้เจ็บ ผิดกับยุคปัจจุบัน ที่คนไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้  ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เบาหวาน และมะเร็งอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว

อาหารแนวธรรมชาติบำบัด

อาจารย์ สุทธิวัสส์ คำภา นักธรรมชาติบำบัดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้คิดค้นสูตรอาหารที่ช่วยในเรื่องของการล้างลำไส้และระบบดูดซึมในร่างกายคนเราขึ้นมา เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ชอบกินอาหารทอด ๆ มัน ๆ รวมถึงกินอาหารที่เจือปนด้วยสารพิษเข้าไปเป็นประจำ เพื่อช่วยให้คนไทยห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และมีสุขภาพที่ดี มีอายุยืนยาวขึ้นได้ ซึ่งสูตรในการล้างระบบดูดซึมในร่างกายมีดังนี้

สูตร โยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว

สูตรนี้ได้ถอดแบบออกมาจากพระไตรปิฏกในสมัยพุทธกาล ที่มีการนำ เนยข้น+เนยใส+น้ำอ้อย+น้ำผึ้ง มาใช้ในการรักษาโรค บำรุงร่างกาย ซึ่งในยุคปัจจุบัน สูตรนี้ มีสรรพคุณ ใช้ในการล้างสารพิษ ไขมัน และขยะในลำไส้ที่เกิดจากการกินของทอดมัน ๆ และเจือปนสารพิษเข้าไป ทำให้ลำไส้สะอาด ระบบดูดซึมทำงานได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสมอง ลดความอ้วนและทำให้อารมณ์ดีอีกด้วย

จะเห็นว่าสูตรนี้ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลย ดังนั้นแค่เราทุกคนหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินกันสักนิด และด้วยไลฟ์สไตล์ชีวิตในยุคปัจจุบัน เราเลี่ยงอาหารตามสั่งตามร้านค้าทั่วไปไม่ได้ เราก็ควรมีการล้างลำไส้ด้วยสูตรธรรมชาตินี้เป็นประจำ เพื่อที่ร่างกายจะได้สมบูรณ์แข็งแรง มีอายุยืนยาวสวนกระแสในยุคตายผ่อนส่งนี้ต่อไป

Category : อาหาร

Tag: อาหารแนวธรรมชาติ, สูตรล้างระบบดูดซึม, อาหารล้างลำไส้

เครดิตภาพ:  https://pixabay.com/th/%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%84%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7-1905733/


อาหารไทย 4.0 กับนวัตกรรมเพิ่มศักยภาพอาหารไทยให้โด่งดังยิ่งขึ้นในระดับโลก

งานแสดงสินค้าอาหารของไทย ( Thaifex – World of food Asia 2018 ) ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 61 ท่านรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้มีปาฐกถาพิเศษ ด้านการนำเทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมและยกระดับธุรกิจอาหารของประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในระดับโลก เป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตเห็นความสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ ธุรกิจอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่มีการให้บริการที่ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีในเกือบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ด้านการผลิต ด้านการบรรจุหีบห่อ การออกแบบแพ็กเกจ การขนส่ง ไปจนถึงการตลาดและการโฆษณา ที่ชวนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

ชื่อเสียงที่ดีและรสชาติที่โดนใจของอาหารไทย

อาหารไทยเป็นอาหารที่ชาวโลกต่างรู้ดีถึงชื่อเสียง และความเอร็ดอร่อย จากข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นในปี 2018 ที่จัดอันดับสุดยอดอาหารเด็ดจากทั่วโลก และยกให้แกงมัสมั่นของประเทศไทย คว้ารางวัลที่ 1 มาครอง ด้วยรสชาติที่เข้าเนื้อ ในการเคี่ยวส่วนผสมให้เข้ากันกับเนื้อวัว และเครื่องพริกแกงบวกกับกะทิ ที่ส่งกลิ่มหอมอันเป็นเอกลักษณ์ จึงไม่แปลกที่อาหารไทยเมนูนี้จะได้รางวัลดังกล่าว รวมถึงเมนูต้มยำกุ้งก็ติดอันดับ 1 ใน 10 เช่นกัน ซึ่งข้อได้เปรียบทางด้านวัตถุดิบที่มีความหลากหลายของประเทศไทยนี่เอง ที่ถ้าหากนำมาผสมผสานกับประโยชน์จากเทคโนโลยี ก็ยิ่งทำให้โอกาสในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารของไทยไม่ไกลเกินจริง

การเชื่อมโยงธุรกิจอาหารไทยกับธุรกิจการท่องเที่ยวไทย

                ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของภาคธุรกิจอาหารไทยนั้นคือ การที่มีวัตถุดิบมาจากหลากหลายแหล่งกระจายตามท้องถิ่นของประเทศไทย นั่นทำให้สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับแหล่งวัตถุดิบท้องถิ่นกับการท่องเที่ยวไทยได้อีกด้วย เป็นการเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นไทย ร่วมกับวัฒนธรรมการกินของคนไทยได้ ยกตัวอย่างเช่น การใช้เมนูอาหารไทยเป็นโปรโมทการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยเองก็มีการจัดงานเทศกาลอาหารไทยตามจังหวัดต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอาหารได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การจะก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลกนั้น จะต้องมองภาพของธุรกิจอย่างเป็นองค์รวม และใช้เทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริม ซึ่งอาจเริ่มต้นจากการใช้สื่อดิจิทัลมาส่งเสริมทางด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลก ได้รับข้อมูลข่าวสารและรู้จักอาหารไทยได้มากยิ่งขึ้น หรือการใช้ช่องทางออนไลน์ในการสร้างร้านค้า ที่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านอาหารไปสู่ตลาดโลกได้สะดวกสบายขึ้น