โอกาสคว้าแชมป์ยูโรป้าลีก สมัยที่ 2 ของปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เมื่อพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-2020 ปิดฉากรูดม่าน ปิดฤดูกาลไปแล้วบรรดาทีมที่อยู่ในเส้นทางฟุตบอลยุโรปก็จะกลับมาฟาดแข้งในฟุตบอลถ้วยยุโรปกันอีกครั้งหลังจากหยุดพักจากสถานการณ์โควิด -19 เช่นเดียวกันกับปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่จะกลับมาฟาดแข้งในรายการยูโรป้า ลีก อีกครั้ง

สถานการณ์ ณ ขณะนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในเส้นทางรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2 โดยนัดแรกสามารถบุกไปเอาชนะลินซ์จากออสเตรียได้ถึง 5-0 ทำให้สถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ ขณะนี้ ถือว่ามีโอกาสเข้ารอบต่อไปสดใสพอสมควร แล้วจะมีโอกาสแค่ไหนที่พวกเขาจะกรุยทางไปคว้าแชมป์รายการนี้อีกครั้ง

มองเส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ต้องถือว่ามองข้ามไปที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเลยก็ว่าได้สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยขณะนี้ ยูฟ่าได้มีการประกบคู่และโปรแกรมการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไปเรียบร้อยแล้ว โดยรอบ 8 ทีมสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซึ่งน่าจะเข้ารอบแน่นอนแล้วจากผลชนะในนัดแรก 0-5 จะเข้าไปพบกับผู้ชนะระหว่าง อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ (ตุรกี) และ เอฟซี โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก) ซึ่งถ้ามองตามคุณภาพของทีมต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะผ่านทั้งผู้ชนะของคู่นี้ได้แบบสบาย ส่วนในรอบรองชนะเลิศ ก็มีโอกาสที่จะพบกับ ผู้ชนะระหว่างในรอบ 16 ทีมคู่ระหว่างโอลิมเปียกอส (กรีซ) / วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (อังกฤษ) ซึ่งจะมาพบกับคู่ชนะระหว่าง เซบีย่า (สเปน) / โรม่า (อิตาลี) ในรอบ 8 ทีม ซึ่งถ้ามองตรงนี้ ทีมที่น่าจะมาพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในรอบรองชนะเลิศมีความเป็นไปได้ทั้ง วูล์ฟแฮมตัน เซบีย่า และโรม่า ซึ่งถ้ามองประสบการณ์ในถ้วย ยูโรป้าแล้ว เซบีย่าน่าจะเป็นทีมที่ได้เปรียบที่สุด ส่วนอีกสายจะเป็นการเจอกันของ

คู่ที่ 1 – โวล์ฟสบวร์ก (เยอรมนี) / ชัคห์ตาร์ โดเน็ตส์ค (ยูเครน) พบ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต (เยอรมนี) / เอฟซี บาเซิ่ล (สวิตเซอร์แลนด์)

คู่ที่ 3 – อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) / เคตาเฟ่ (สเปน) พบ เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์) / ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมนี)

ในส่วนของสายนี้ต้องบอกว่ามีความสูสีกันหมดซึ่งถ้าแมนฯ ยู มีโอกาสเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศก็จะเป็นคู่ชิงที่น่าจะสูสีพอสมควร

ตัวแปรสำคัญในการเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าจะอยู่ที่รอบรองชนะเลิศ ซึ่งมองว่าเซบีย่าน่าจะเป็นทีมที่อันตรายที่สุด เพราะเคยเขี่ยแมนฯยู ตกรอบมาแล้วในหลายปีก่อน แต่เมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ถ้าโซลชาวางแท็กติคที่ดี ไม่มีผู้เล่นตัวหลักเจ็บเชื่อว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าจะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปได้ ส่วนถ้ามีโอกาสเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว ถึงตอนนั้นเจอใครก็คงเหมือนกัน ระดับนักเตะสายพันธ์อสูรแล้ว ขอแค่ตัวหลักอยู่กันครบน่าจะคว้าแชมป์ได้ไม่ยาก


สงครามกุหลาบประวัติศาสตร์อังกฤษ เกี่ยวพันกับคู่แค้นในพรีเมียร์ลีกได้อย่างไร

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับทีมยูงยอง ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่สามารถเลื่อนชั้นกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และเมื่อพูดถึงลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมคู่แค้นตลอดกาลของพวกเขาก็คงเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทุกครั้งที่ทั้งสองทีมมีคิวต้องพบกันสำนักข่าวต่างประเทศ รวมถึงแฟนบอลไทยหลายคนที่ติดตามฟุตบอลอังกฤษมายาวนานก็จะเรียกแมตซ์ที่ทั้งคู่พบกันว่าแมทซ์สงครามกุหลาบ ซึ่งแฟนบอลรุ่นใหม่หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าสงครามกุหลาบคืออะไร ทำไมถึงมีกุหลาบเข้ามาเกี่ยวข้องกับเกมฟุตบอล

สงครามดอกกุหลาบ (Wars of the Roses) เป็นสงครามราชวงศ์ที่ผู้สนับสนุนราชวงศ์แพลนแทเจเนตสองสายที่เป็นคู่แข่งชิงราชบัลลังก์อังกฤษกัน ได้แก่ ราชวงศ์แลงแคสเตอร์และราชวงศ์ยอร์ก (ซึ่งสัญลักษณ์ตราประจำตระกูล คือ ดอกกุหลาบสีแดงและสีขาวตามลำดับ) ทั้งสองฝ่ายรบกันเป็นช่วงห่าง ๆ กันระหว่างปี ค.ศ. 1455 ถึง 1485 และผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ได้แก่เฮนรี่ ทิวดอร์แห่งราชวงศ์แลงคาสเตอร์

แล้วสงครามกุหลาบเกี่ยวอะไรกับทีมฟุตบอล

ในความเป็นจริงระยะเวลาระหว่างสงครามกุหลาบครั้งนั้นห่างกันกับโลกของฟุตบอลมาก แต่ถูกนำมาโยงกับทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก 2 ทีม คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและลีดส์ ยูไนเต็ด เนื่องมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นเป็นทีมที่ก่อตั้งขึ้นในแถบแลงคาเชียร์ และใช้สีประจำสโมสรเป็นสีแดงซึ่งไปตรงกับราชวงศ์แลงคาสเตอร์ที่อาศัยอยู่แถบนั้นเช่นเดียวกันและใช้สัญลักษณ์ประจำตระกูลและธงในการออกรบเป็นดอกกุหลาบสีแดง ส่วนลีดส์ ยูไนเต็ดเป็นทีมที่ก่อตั้งขึ้นแถบยอร์คเชียและใช้สีประจำสโมสรเป็นสีขาวรวมทั้งตราสโมสรก็ยังมีดอกกุหลาบสีขาวซึ่งก็ตรงกันกับราชวงศ์ยอร์ก ที่อาศัยอยู่แถบนั้นและใช้สัญลักษณ์ประจำตระกูลและธงในการออกรบเป็นดอกกุหลาบสีขาว เมื่อทั้งสองทีมมีคิวต้องฟาดแข้งกันก็มักจะถูกโยงถึงประวัติศาสตร์เรื่องนี้โดยเรียกเกมการแข่งขันนี้ว่า “แมตซ์สงครามกุหลาบ”

ไฟสงครามที่เจ็บแสบในโลกของฟุตบอล

ไฟประวัติศาสตร์อาจเป็นแค่เรื่องการสร้างสีสันในเกมฟุตบอลเท่านั้น แต่ชนวนที่อาจทำให้เกิดประเด็นเจ็บแสบในเรื่องของฟุตบอลน่าจะอยู่ที่การแย่งชิงตัวผู้เล่นคนสำคัญของทีมกันมากกว่า โดยเฉพาะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่มักเป็นฝ่ายใช้เงินตราในการแย่งชิงผู้เล่นคนสำคัญของลีดส์ ยูไนเต็ด มาเป็นผู้เล่นในตำนานของตน เริ่มตั้งแต่ อิริค คันโตน่า ที่กลายเป็นกับตันทีมในตำนานของปีศาจแดง ต่อมาก็เป็น ริโอเฟอร์ดินาน ปราการหลังเจ้าของสถิติค่าตัวแพงที่สุดในขณะนั้น ที่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จมากมาย และคนสุดท้ายก่อนลีดส์จะตกชั้นไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคว้าตัวอลัน สมิธ ยอดกองหน้าของทีมยูงทองมาอีก 1 คน ถึงแม้รายนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรแต่ก็สร้างความเจ็บแสบให้กับสาวกทีมยูงทองพอเป็นอย่างมาก

ฤดูกาล 2020-2021 ลีดส์ ยูไนเต็ดจะกลับมาสู่เวที พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เมื่อมีคิวต้องฟาดแข้งกับปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คงไม่วายถูกนำไปพาดพิงกับสงครามกุหลาบอีกเช่นเคย และการฟาดแข้งของทั้งสองทีมก็คงมันเต็มอัตราศึกเหมือนเช่นเคย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การกลับมาของลีดส์ในครั้งนี้ ก็จะทำให้พรีเมียร์ลีกฤดูกาลต่อไปมีมนต์ขลังขึ้นมาอีกเท่าตัว

Category : ข่าวกีฬา

Tag : ลีดส์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, สงครามกุหลาบ


ส่องอนาคตเหล่าแข้งสำรองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

หลังช่วงพักเบรกหนีโควิด -19 ถือว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโชว์ฟอร์มได้ดีเลยทีเดียว และโอเล กุนน่า โซลชาสามารถหาผู้เล่น 11 ตัวจริงได้แล้ว จากการมาของบรูโน่เฟอร์นันด์ และการหายเจ็บกลับมาของพอล ป็อกบา อีกทั้งการโชว์ฟอร์กระฉูดของเจ้าหนู เมสัน กรีนวู้ด ทำให้เหล่าบรรดาตัวผู้เล่นสำรองคนอื่น ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผลัดกันลงสนามพร้อมกับเสียงด่าของเหล่าแฟนบอล แทบจะไม่มีอนาคตกับทีมเลยทีเดียว และเมื่อถึงช่วงปิดฤดูกาลรวมทั้งการเปิดตลาดซื้อขายลองมาดูว่าเหล่าผู้เล่นสำรองของแมนฯยู ใครจะยังยู่กับทีมต่อไปหรือใครจะมีโอกาสย้ายไปร่วมทีมใหม่บ้างลองมาวิเคราะห์กัน

เซอร์คิโอ โรเมโร่

ผู้รักษาประตูสำรองชาวอาเจนติน่า ที่ถือว่าเป็นมือกาวชั้นดี เป็นที่ไว้ใจทุกครั้งเมื่อมีโอกาสลงเฝ้าเสาให้แมน ฯ ยู ต้องถือว่าเค้ามีความอดทนมากในการเป็นมือสองในถิ่นโอลเทรฟฟอร์ด แม้ในขณะที่เดวิด เดเกอา ฟอร์มตก เขาก็ยังไม่ได้รับโอกาส รวมถึงมีข่าวที่จะดึงทางด้านดีน เอนเดอร์สันกลับมาแย่งชิงตำแหน่งกับเดเกอา และประกอบกับขณะนี้เขาได้รับความสนใจจากลีดส์ ยูไนเต็ดทีมใหม่ป้ายแดงในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า เชื่อว่าถ้าเป็นความจริงก็คงถึงเวลาที่โรเมโร่จะออกไปเป็นมือ 1 กับทีมอื่นได้แล้ว แม้นว่าหลายคนจะเสียดายในความสามารถเขาก็ตาม

ฆวน มาต้า

เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้แทบไม่เหลือความเร็วหรือความคล่องตัวของมาต้าให้เห็นมานานแล้ว ประกอบกับสไตล์การเล่นที่ดูจะขัดตาขัดใจแฟนผีหลาย ๆ คนกับการที่ชอบม้วน ชอบจ่ายบอลสั้น ๆ ที่แทบจะไม่มีประโยชน์ อีกทั้งเมื่อได้รับคำสั่งให้เล่นปีกขวาก็ไม่เคยที่จะอยู่ในตำแหน่งปีกขวาเลย อีกทั้งฟอร์มของเมสัน กรีนวู้ดที่พุ่งขึ้นมา กับการมาของ บรูโน่ ทำให้น่าจะไม่มีที่ว่างสำหรับมาต้าแล้ว โดยปัจจุบันมาต้าอายุ 33 ปี เหลือสัญญากับแมนฯยูฯถึงปี 2021 ทำให้มีโอกาสไม่น้อยที่มาต้าจะเป็นอีก 1 คนที่จะลาปีศาจแดงไป โดยทีมที่มีข่าวสนใจได้แก่ เฟเนห์บาเช

ดีเอโก้ ดาโลต์

ฟูลแบ็กวัย 21 ปี แทบจะไม่มีโอกาสได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เลย แม้กระทั่งในช่วงที่ลุค ชอร์ และ แบรนดอน วิลเลี่ยมบาดเจ็บ หลายฝ่ายมองว่าน่าจะถึงคิวของดาโลต์ แต่โซลชากลับเลือกใช้งานทีโมที โฟซูเมนซ่าแทนเขา จึงเป็นคำถามว่าอนาคตของดาโลต์จะเป็นอย่างไรต่อไปจะยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของโซลชาหรือไม่ แต่เนื่องด้วยอายุที่ยังน้อย ต้นสังกัดอาจจะปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวเพื่อพิสูจน์ความสามารถอีกซัก 1 ฤดูกาลก็ไม่น่าเกลียดอะไร

เจสซี่ ลินการ์ด

เลือดเนื้อเชื้อไขของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง และดูเหมือนจะมีแววโชว์ฟอร์มได้ดี แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะไม่เข้าที่เข้าทางและคงพัฒนาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรบุคลิกในสนามของเขายังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจและทุ่มเททุกวินาทีที่ลงเล่นให้กับปีศาจแดง เห็นตัวอย่างได้ชัดในเกมสุดท้ายกับเลสเตอร์ ซิตี้ ที่เขาวิ่งไปบีบผู้รักษาประตูคู่แข่งจนสามารถทำประตูได้ จังหวะแบบนี้คงหาจากผู้เล่นคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตั้งสมาธิ เรียกความมั่นใจกลับมาดี ๆ เขาน่าจะเป็นตัวสำรองที่ดีของทีมได้ จึงเชื่อว่า กุนซือโซลชาน่าจะยังเก็บเขาไว้ใช้งานต่อไป

อันเดรส เปเรยร่า

นักเตะลูกหม้อของทีมอีกคนและเป็นมิดฟิลด์เลือดแซมบ้า ที่แทบจะไม่เคยเห็นลีลาแซมบ้าในตัวเขาเลย โดยที่แมน ฯ ยู เคยปล่อยตัวเขาไปหาประสบการณ์กับทีมระดับลาลีกา อย่างบาเลนเซียเพื่อที่จะหวังใช้ประโยชน์จากตัวเขา แต่เมื่อเรียกตัวกลับมาใช้งานก็ไม่สามารถหวังพึ่งพาเขาได้เลย และเชื่อว่าคงหมดโอกาสสำหรับเปเรยร่าแล้ว และทีมคงหาทางที่จะขายตัวเขาออกไป บางทีเปเรยร่าอาจจะไปประสบความสำเร็จกับทีมอื่นก็ได้

เห็นได้ชัดในยุคของเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จจากตัวจริงที่แข็งแกร่งและเหล่าตัวสำรองที่มีทีเด็ด ซึ่งแน่นอนทีมที่ดีต้องมีตัวสำรองที่พร้อมจะลงมาเพื่อพลิกสถานการณ์ให้กับทีมได้ จุดนี้โซลชาน่าจะรู้ดี เพราะเขาก็เคยเป็นตัวสำรองชั้นยอดของปีศาจแดงเช่นกัน และเชื่อว่าในฤดูกาลหน้าโซลชาคงจะเร่งสร้างขุมกำลังที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเพื่อสู้ศึกในทุกรายการ


การกลับมาอีกครั้งของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ในศึกยูฟ่า ยูโรป้าลีก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำตลอดฤดูกาลที่แล้ว แม้โชเซ่ มูรินโญ่จะถูกเด้งออกจากทีมไป แต่กุนซือคนใหม่อย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชาก็ไม่อาจปลุกวิญญาณปีศาจแดงให้ฟื้นขึ้นมาได้ จนจบด้วยอันดับ 6 บนตารางพรีเมียร์ลีก และต้องไปเล่นยูฟ่า ยูโรป้าลีก ในปีนี้ด้วยฐานะทีมเต็งแชมป์ โดยการจับสลากรอบแบ่งกลุ่มที่เพิ่งผ่านไป ปีศาจแดงได้เพื่อนร่วมกลุ่ม L อย่างอาสตาน่า จากคาซัคสถาน, ปาร์ติซาน เบลเกรด จากเซอร์เบีย และ อาแซด อัลค์มาร์ จากเนเธอร์แลนด์ แม้แต่ละทีมดูจะไม่ใช่งานยากสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ทั้งสามทีมกลับสร้างความลำบากในเรื่องการเดินทางไกลให้ทีมจากอังกฤษอย่างเลี่ยงไม่ได้ มาดูกันว่าปีศาจแดงต้องพบอะไรบ้างในศึกยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่มหนนี้

อาสตาน่า : คาซัคสถาน

                อาสตาน่า ตั้งอยู่ในเมืองหลวงประเทศคาซัคสถาน แม้จะก่อตั้งทีมได้เพียง 10 ปี แต่ก็สามารถคว้าแชมป์ลีกคาซัคสถานได้สำเร็จในปี 2018 ซึ่งใช้นักเตะส่วนใหญ่จากประเทศของตัวเอง อาสตาน่าเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลยุโรปมาตลอดตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 โดยทำผลงานดีที่สุดด้วยการผ่านเข้าถึงรอบ 32 ทีมสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2017-18 ก่อนจะถูกสปอร์ตติ้ง ลิสบอนเขี่ยตกรอบไป ผู้เล่นที่น่าจับตามองคือ มาริน โทมาซอฟ ปีกชาวโครเอเชียดาวซัลโวประจำทีม

ปาร์ติซาน เบลเกรด : เซอร์เบีย

ปาร์ติซาน เบลเกรด ทีมจากเมืองหลวงของประเทศเซอร์เบีย และแชมป์บอลถ้วยของเซอร์เบียร์ ถือเป็นอีกหนึ่งทีมขาประจำในศึกยูโรป้าลีก แต่ส่วนใหญ่มักจะไปได้ไม่ไกลกว่ารอบแบ่งกลุ่มนี้เอง มีเพียงฤดูกาล 2017-18 ที่สามารถผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายได้ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม C ก่อนจะพ่ายให้กับทีมจากสาธารณรัฐเช็กตกรอบไป ถ้าใครทีติดตามข่าวสารจาก VWIN เสมอ จะรู้ทันทีว่าผู้เล่นที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้น โซรัน โทซิช อดีตนักเตะปีศาจแดงในช่วงปี 2009-2010 ปีกชาวเซอร์เบียมีทั้งเทคนิคและความเร็ว แต่ด้วยความที่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ขวางทางอยู่ เขาจึงอำลาทีมไปอย่างรวดเร็วเพื่อความต้องการลงสนามที่มากขึ้น

อาแซด อัลค์มาร์ : เนเธอร์แลนด์

อาแซด อัลค์มาร์ ทีมอับดับ 4 จากลีกดัตช์เมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นการกลับมาสู่ยูโรป้าลีกรอบแบ่งกลุ่มอีกครั้ง หลังจากหายหน้าไปถึง 2 ฤดูกาล โดยหนสุดท้ายที่เข้ามาเล่นในฤดูกาล 2016-17 สามารถผ่านเข้าไปเจอลียงในรอบ 32 ทีมสุดท้าย ก่อนจะโดนถล่มทั้งสองนัด  ผู้เล่นที่น่าจับตามอง อุสซามา ไอดริสซี่ ปีกทีมชาติโมร็อคโค ที่ทำประตูในลีกดัตช์ไปแล้ว 3 ประตูจาก 4 นัดในปีนี้

เมื่อสถานการณ์ในเกมลีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังไม่สู้ดีนัก โซลชาน่าจะสั่งให้ลูกทีมเน้นเป็นพิเศษในฟุตบอลยุโรป เพราะแชมป์ยูโรป้าลีก ถือเป็นการการันตีเส้นทางสู่ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปีหน้าทันที เหมือนที่โชเซ่ มูรินโญ่ พาปีศาจแดงคว้าแชมป์ยุโรปใบเล็กนี้มาได้สำเร็จเมื่อ 3 ปีก่อน