ชาวกรุงอยู่ไม่ไหว รถไฟฟ้าทำรถติดรอบกรุง 3 ปี ซ้ำทางด่วนจ่อขึ้นราคากันยานี้

ชาวกรุงเทพมหานครและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงต่างพากันบ่นอุบเป็นเสียงเดียวกันว่าเบื่อ และเหนื่อยกับการเดินทางในแต่ละวัน ที่ต้องเผชิญกับภาวะรถติดที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยายังคาดการณ์อีกว่าอาจมีน้ำเหนือไหลลงมาท่วมขังในบริเวณที่ลุ่มของกรุงเทพมหานครช่วง 2 – 3 เดือนหลังจากนี้ นอกจากนี้ชาวกรุงเทพและบริเวณใกล้เคียงยังต้องเผชิญกับปัญหารถติดจากการระดมสร้างรถไฟฟ้าอีกหลายสายในคราวเดียว คาดว่าจะแล้วเสร็จอีก 4 – 5 ปีข้างหน้า อีกทั้งทางด่วนเตรียมขึ้นราคาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เรียกว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดชาวกรุงกันเลยทีเดียว

จากการแถลงแผนงานการสร้างรถไฟฟ้าของประเทศไทยทำให้ทราบว่าจะมีการสร้างเส้นทางการเดินรถอีก 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม สายสีชมพู และสายสีเหลือง ซึ่งแต่ละสายนั้นจะถูกสร้างให้ครอบคลุมทั้งกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ในเขตปริมณฑลบางส่วน ได้แก่ นนทบุรีและสมุทรปราการ โดยสายส้มจะมีการสร้างทั้งหมด 17 สถานี เริ่มตั้งแต่สถานีศูนย์วัฒนธรรมไปจนถึงสถานีสุวิทวงศ์ ส่วนสายสีชมพูมีทั้งหมด 30 สถานี เริ่มที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี และสุดสายที่สถานีมีนบุรี ใกล้แยกร่มเกล้า สำหรับสายสุดท้ายคือสายสีชมพูจะอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการมีจำนวนทั้งหมด 23 สถานี เริ่มจากสถานีรัชดา ทอดยาวไปถึงสถานีสุดท้ายคือสถานีสำโรง ซึ่งตามรายงานระบุว่ารถไฟฟ้าทุกสายจะแล้วเสร็จในปี 2566 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้คนกรุงเทพและคนในพื้นที่ก่อสร้างต้องหาเส้นทางใหม่ หรือวางแผนการเดินทางหรือใช้บริการทางด่วนเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติด

แต่ดูเหมือนว่าคนกรุงกำลังจะหนีเสือเพื่อปะจระเข้ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแจ้งว่าตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2561 เป็นต้นไปจะปรับขึ้นค่าผ่านทางอีก 5 บาท  สำหรับทางพิเศษ 2 เส้นทาง คือทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคมได้ระบุว่าการขึ้นค่าผ่านทางครั้งนี้เนื่องมาจากการทำสัญญาระหว่างรัฐและบริษัทเอกชนผู้มีส่วนในผลประโยชน์ ดังนั้นรัฐจึงต้องปฏิบัติตามสัญญาโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เป็นผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

ความยุ่งยากในชีวิตของคนกรุงที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ ส่งผลให้การวางแผนสำหรับการเดินทางประจำวันจำเป็นต้องรัดกุม สำหรับใครที่ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องออกให้เช้ากว่าเดิมเพื่อความมั่นใจว่าจะไปถึงที่หมายให้ทันเวลา ถึงแม้หลายคนจะรู้สึกเหนื่อย และท้อกับการใช้ชีวิตประจำวันในเมืองใหญ่แต่การยอมรับ และปรับตัวเพื่อรับกับสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำและหลีกเลี่ยงไม่ได้