เปิดเทอมแล้ว ผู้ปกครองยุคใหม่กับการวางแผนการใช้จ่ายค่าการศึกษาของลูก ๆ

ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ผู้ปกครองนักเรียนไทยมีอันต้องเสียทรัพย์กันเป็นจริงเป็นจัง เพราะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาต่างพากันทำการตลาดอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน เสื้อผ้า ชุดนักเรียน รองเท้าถุงเท้า แต่ละแบรนด์พากันอัดโปรโมชั่นถล่มทลาย เพื่อแย่งชิงเงินในกระเป๋าของบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง จากข่าวการสำรวจของกรุงเทพโพลล์ในปี 2018 เปิดเผยว่า คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่มากถึงร้อยละ 66.8 ให้ข้อมูลว่า การให้ลูกได้เรียนพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนนั้น มีความจำเป็นในระดับมาก และในเรื่องการวางแผนด้านการศึกษาของลูก ๆ นั้น การเรียนภาษาที่ 3 เพิ่มเติมมีความจำเป็นร้อยละ 40.8 เช่น การให้ลูกไปเรียนภาษาจีนหรือ ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น และในส่วนการจัดสรรงบสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของลูก ๆ นั้นมีการจัดสรรเตรียมไว้แล้วคิดเป็นร้อยละ 70.6 ทั้งหมดนี้เป็นการเก็บข้อมูลสำรวจจากพ่อแม่และผู้ปกครองจำนวน 1,175 คน ที่มีลูกหลานเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษา หรือเทียบเท่าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาระที่ยิ่งใหญ่และหน้าที่ที่ปฏิเสธไม่ได้กับการหาเงินเพื่ออนาคตลูกหลานที่รัก

สอดคล้องกับผลการสำรวจปี 2018 ด้านพฤติกรรมของพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวน 400 คน ในเขตกทม. และปริมณฑลเช่นกัน ถึงเรื่องความกังวลใจในสภาพคล่องช่วงเปิดเทอมของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่เปิดเผยข้อมูลว่า ร้อยละ 64 มีความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและภาระหนี้สินที่ยังคงมีอยู่ นอกจากค่าเทอมแล้วก็ยังมีค่าบำรุงการศึกษา ค่ากิจกรรมพิเศษในโรงเรียน ค่าเรียนเสริมทักษะต่าง ๆ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ เช่น ค่ารถรับส่ง เป็นต้น โดยพ่อแม่ผู้ปกครองมีที่มาของเงินเพื่อการศึกษาของลูก จากการพยายามลดค่าใช้จ่ายประจำวันบางส่วนออกไป ประหยัดมากขึ้น และการนำเงินออมออกมาใช้ หรือบางคนก็มีการกู้ยืมเงินทั้งในและนอกระบบ เพื่อมาหมุนเวียนใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมนี้

ด้วยหน้าที่ที่หนีไม่ได้ของคนเป็นพ่อแม่ การวางแผนทางการเงินล่วงหน้าจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็มีความตั้งใจในการสนับสนุนด้านการศึกษา โดยการจัดโครงการด้านทุนการศึกษาเป็นประจำ เช่น ทุนนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ทุนการศึกษาต่อเนื่องพร้อมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามโรงเรียนของรัฐที่ช่วยเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่ผู้ปกครองมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายทางการศึกษาได้มีช่องทางผ่อนผันภาระลงได้บ้าง ส่วนในด้านของภาคเอกชน โรงเรียนกวดวิชาบางแห่งก็มีความเข้าใจถึงภาระของผู้ปกครอง จึงได้จัดรูปแบบการสอนไปสู่การเรียนผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น e – learning หรือการเรียนผ่านทางออนไลน์ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้าน เพื่อประหยัดภาระเรื่องการเดินทางและค่าหนังสือให้กับผู้ปกครองได้เช่นกัน