แรงงานไทยเตรียมเฮ รัฐบาลใจดี เตรียมปรับค่าแรงขั้นต่ำ

หลังจากที่ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรงของคณะรัฐมนตรี พี่น้องแรงงานก็แอบหวังลึก ๆ ว่า เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงจะบรรลุผลโดยเร็ว เพราะหวังที่จะลืมตาอ้าปากได้กว้างกว่าที่ผ่านมาบ้าง เพราะที่ผ่านมาค่าแรงของไทยไม่ได้ปรับขึ้นมากนัก และขึ้นเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น

ทั้งนี้ในการปรับขึ้นค่าแรงของผู้ใช้แรงงานนั้น จำเป็นต้องพิจารณาจากปัจจัยหลาย ๆ ส่วนมาประกอบร่วมกัน เช่น ภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน อันนี้ถือเป็นเหตุผลหลักในการนำมาพิจารณาประกอบ ต้นทุนการผลิตสินค้า ค่าเงินบาทในปัจจุบัน และกลไกลตลาดของโลก เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาการขึ้นค่าแรงทั้งสิ้น

ล่าสุด ได้มีการสรุปการปรับขึ้นค่าแรงเป็นที่เรียบร้อย โดยจะขึ้นประมาณ ประมาณ 8-22 บาท และจะขึ้นทั่วทั้งประเทศ ไม่มีส่วนไหนได้สิทธิพิเศษ จะว่าไปแล้วก็แฟร์ดี ไม่ใช่ตรงนั้น 8 บาท ตรงโน้น 10 และตรงโน้นนน.. 20 บาท ขืนเป็นอย่างนั้นมีหวังประชาชนลุกขึ้นมาประท้วงให้วุ่นวายสมองเป็นแน่แท้ อย่างไรก็ดี คิดว่าการปรับขึ้นค่าแรงดังกล่าวก็คงจะเท่าเทียมกันอย่างที่ได้ยิน

สำหรับผู้ที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่าง จังหวัดขอนแก่น และภาคกลางตอนบน จังหวัดนครสวรรค์ โดยเฉพาะประชาชนที่มีอาชีพปลูกอ้อย และมันสำปะหลังเตรียมตัวยิ้มรับปี 61 อย่างสบายใจได้เลย เพราะผู้ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมได้มนโยบายผลักดัน “พลังงานชีวภาพ หรือไบโออีโคโนมี” ซึ่งการผลิตพลังงานข้างต้นจะใช้อ้อยและมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลัก หากนโยบายนี้บรรลุเมื่อไหร่ คาดว่าประชาชนผู้ปลูกอ้อย ปลูกมันฯ คงได้อานิสงค์ไม่มากน้อย ก็คงต้องรอดู

แล้วคนที่อยู่ในจังหวัดอื่นล่ะ เขาก็ปลูกอ้อย ปลูกมันกันเยอะแยะ อย่างจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ไม่เห็นพูดถึงเลย อันนี้ต้องบอกว่าเป็นจังหวัดที่มี แหล่งรองรับผลผลิตของเกษตรกรกันอยู่แล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เดือดร้อนเท่าพี่น้องในบางจังหวัดที่กล่าวมาข้างต้น แหล่งรองรับที่ว่าก็คือ โรงงานน้ำตาลที่ตั้งอยู่ในละแวกจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี ซึ่งช่วงนี้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยก็เริ่มทยอยตัดอ้อยนำส่งโรงงานกันแล้ว เนื่องจากถึงช่วงที่โรงงานเปิดรับ และคิดว่าเกษตรกรที่ปลูกอ้อยในแถบกาญจนบุรี ราชบุรี รวมไปถึงสุพรรณบุรี ปีนี้คงจะยิ้มออกเนื่องจากปีที่ผ่านมาฝนดี ทำให้ผลผลิตงดงาม

ค่าแรงปรับขึ้นไม่รู้ว่าแรงงานจะดีใจหรือว่าเฉย ๆ ดี เพราะบางทีด้วยภาระหน้าที่ที่มีอยู่มันช่างหลายอย่างเหลือเกิน ไม่ว่าจะภาะหนี้สินครัวเรือนซึ่งเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยเฉาะชาวไร่ชาวนา ค่าแรง 22 บาท จะพอใช้หนี้ไหมนะ

Category : เศรษฐกิจไทย

Tag : ข่าวเศรษฐกิจ, ค่าแรงขั้นต่ำ, เงินเดือน

เครดิตภาพ : https://pixabay.com/th/เงิน-ดอลลาร์-กระเป๋าเสื้อ-ธนาคาร-548948/


บาทแข็งค่า อ่อนค่า ! หวั่นกระทบส่งออกหรือใคร?

หลายปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้แล้วหลายครั้ง จากการผันผวนของเงินบาทที่มีแนวโน้มว่าจะแข็งค่าขึ้น นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างก็วิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นา ๆ รวมทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เองก็ว่าออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน

ไตรมาสนี้เงินบาทแข็งขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา และหากยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ และถ้าถามว่ากระทบยังไง คือ เมื่อเงินบทแข็งค่าขึ้น อัตราการแลกเปลี่ยนกับเงินดอลลาร์ก็ได้น้อยลง ซึ่งแน่นอนว่าภาคธุรกิจส่งออกจึงได้รับผลกระจากภาวะนี้แน่ เพราะเงินที่ได้มันลดลง แต่หากเหตุการณ์พลิกผันสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เงินบาทอ่อนค่าลงนั่นหมายความว่าอานิสงส์ย่อมตกเป็นของผู้ส่งออกในประเทศ การแข็งค่าของเงินบาทในปีนี้ นับเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 ปี สาเหตุสำคัญมาจากความไม่แน่นอนของการลงทุนในสหรัฐถือเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจในการบริหารประเทศของรัฐบาล จึงหันมาลงทุนในประเทศอื่น เช่น เวียดนาม เป็นต้น เพราะเป็นประเทศที่กำลังเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ ด้าน

นักวิชาการมองว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เวียดนามจะนำหน้าประเทศไทยในทุกด้าน หลังจากที่เวียดนามนั้นได้ผ่านวิกฤติการณ์อันใหญ่หลวงจนกลายเป็นประเทศที่ยากต่อการฟื้นฟู

ได้ยินอย่างนี้รู้สึกว่าเราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว หากยังปล่อยให้ประเทศเป็นไปแบบนี้ โดยเฉพาะประชาชนระดับชั้นล่าง ซึ่ง 90% มีอาชีพเกษตรกรรม ที่ได้รับผลกระทบจาก “ราคาพืชผลทางการเกษตร”ที่ตกต่ำอย่างไม่หยุดไม่หย่อน พูดแล้ว เฮ้อ…หน้าเห็นใจ แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่จะลืมตาอ้าปาก มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเองได้ซักที ผู้ประกอบการ เกษตรกร เราก็ต้องการความมั่นคงแน่นอนเหมือน ๆ กัน

อย่างไรก็ตาม แว่ว ๆ ว่าในเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตร ก็ได้มีการหามาตรการเพื่อผลักดันให้ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น ยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไป

ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดกับภาวะเงินบาทที่ลอยตัว อันนี้ต้องรอดูกันไปยาว ๆ เอ๊ะ! หรือไม่ยาว ถ้าระยะยาวหากค่าเงินบาทยังคงแข็งตัวอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าผู้ส่งออกก็เตรียมตัว เตรียมใจรับมือกับการขาดทุนย่อยยับได้เลย เว้นเสียแต่ว่าธุรกิจมีทุนสำรองมากเพียงพอ คงยังพอประคับประคองตัวเองให้พออยู่รอดได้ อันนี้ก็สำคัญเหมือนกัน

ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา…สาธุ หากสถานการณ์กลับกลายเป็นว่า “เงินบาทอ่อนค่า” ลงอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการคงจะกระเป๋าตุงเชิดหน้าชูตาได้อย่างมีความสุข

จะว่าไป เรื่องเงินบาทจะแข็งหรือจะอ่อนค่าเนี่ย มันกระทบกับประชาชนคนรากหญ้าอย่างเรา ๆ หรือเปล่านะ อาจจะไม่กระทบอะไรเลยหรือกระทบแล้วแต่ไม่รู้ว่ากระทบ เพราะจะกระทบหรือไม่กระทบสภาพก็เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวันอยู่แล้ว เอวัง..

 

Category: เศรษฐกิจไทย

Tag : ข่าวเศรษฐกิจ, เงินบาท, ความเป็นอยู่
เครดิตภาพ : https://goo.gl/wunVN6


แรงงานไทยเตรียมเฮ!  รองรับแผนพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจรัสเซีย

ปี 2561 นับเป็นอีกหนึ่งปีทองที่ประเทศไทยมีเกณฑ์จะดวงขึ้น เพราะเป็นที่หมายตาต้องใจของบรรดามหาประเทศที่สนใจอยากเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจ อย่าง จีน ญี่ปุ่น จะว่าไปจีน ญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประประเทศพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์กับไทยมาช้านาน แต่ที่น่าจับตามองอย่าใกล้ชิดอีกหนึ่งประเทศคือ สหพันธรัฐรัสเซีย

ซึ่งอีกเดือนสองเดือนข้างหน้า นักธุรกิจระดับ “บิ๊กบอส” ของรัสเซีย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน มีแผนบินข้ามทวีปมาศึกษาแนวทางในการลงทุนร่วมกับไทย และไทยก็พร้อม Welcome ด้วยความยินดียิ่ง หากการมาเยือนของรัสเซียในครั้งนี้เป็นไปตามแผนที่มีการวางเอาไว้ คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย รวมกว่า 10 สาขา ประสบผลสำเร็จสมดังหมาย รับรองว่าประชากรไทยที่ว่างงานกว่า 11 ล้านคน คงได้ยิ้มออก ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่หากว่ารัสเซียเกิดสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับไทยจริง ๆ ที่น่าจับตามองอย่างไม่อาจละสายตาได้คือ คณะที่จะเดินทาเข้ามาเยือนไทยในครั้งนี้ เรียกว่าเป็นจ้าวแห่งวิทยาการ ที่เชี่ยวชาญสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น การก่อสร้าง การบิน โลจิสติกส์ พลังงาน ฯลฯ แต่ละอย่างล้วนมีประโยชน์กับประเทศไทยทั้งสิ้น สาเหตุที่รัสเซียหันมาสนใจลงทุนจับมือกับประเทศไทยนั้นสืบเนื่องมาจาก รอยแผลเก่าเมื่อครั้งอดีต ที่เคยโดนเพื่อน ๆ หักหลัง ชีวิตมันต้องเดินต่อไป ก็เลยหันมาไทย

ประเทศไทยไม่ใช่เป็นประเทศเดียวที่อยู่ในความสนใจของรัสเซีย ยังมี “เวียดนาม” อีกหนึ่งประเทศที่รัสเซียให้ความสนใจไม่แพ้ไทย เมื่อไทยมีคู่แข็ง ส่วนที่เกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน เพื่อมัดใจให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างบางประการที่ไทยอาจจะได้เปรียบเวียดนาม ซึ่งเกี่ยวข้องกับในส่วนของเป้าหมายการลงทุน ซึ่งไทยเน้นและสนับสนุนการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมระดับสูง ในส่วนของเวียดนามเน้นเพียงการลงทุนในอุตสาหกรรมทั่วไป ตรงนี้อาจทำให้ไทยได้เปรียบก็เป็นได้ เพราะอาจตรงกับเป้าหมายการลงทุนของสหพันธรัฐฯ

สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ให้ความเห็นผ่านสื่อว่า การค้าไทย รัสเซียมีแนวโน้มจะมีมูลค้าถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่ามีมูลค่ามหาศาลทีเดียว และแน่นอนหากถึงเป้าจริง แรงงานไทยต้องมีผลพลอยได้อย่างไม่ต้องหลีกเลี่ยงแน่

ส่วนรัสเซียเองเศรษฐกิจในประเทศก็มีแนวโน้มจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุการณ์สำคัญสองประการ คือ ฟุตบอลโลกที่จะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน-ถึงพฤษภาคม และแน่นอนว่ารัสเซียเป็นเจ้าภาพ และในเดือนมีนาคมนี้ที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของรัสเซียอีก งานนี้ไทยมีแต่ได้กับได้

หาก”บิ๊กโปรเจกต์” ประสบผลสำเร็จ คงถึงเวลาแล้ว ที่จะได้ลืมตาอ้าปากกันซักที

Category: เศรษฐกิจไทย

Tag : ข่าวเศรษฐกิจ, รัสเซีย, การลงทุน

 

เครดิตภาพ : https://goo.gl/G2gcmb


อยู่อย่างไร ให้อยู่ได้และต้องอยู่ร่วมเป็นสังคมคุณภาพ


                มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อมีสังคมก็หมายความว่า จะต้องมีการอยู่รวมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป มีการปฏิสัมพันธ์กัน มีการพูดคุย และมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน
ตื่นเช้าขึ้นมา อาบน้ำแต่งตัว แล้วไปทำงาน ตกเย็นมาเลิกงานกลับบ้าน แล้วนอน ชีวิตสัตว์สังคมที่เรียกว่ามนุษย์ก็มีประมาณนี้ เราต้องกิน ต้องใช้ ต้องหาความสุขเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ และที่สำคัญเราต้องรู้จักที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น เข้าใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ที่สุด

ขณะที่เดินไปทำงาน หรือกำลังห้อยโหนปีนป่ายรถเมย์ ก็มีคนอีกจำนวนเท่าไหร่ไม่อาจนับไหว กำลังทำในแบบเดียวกัน และก็คงจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ถึงแม้จะต้องดิ้นรน แข่งขัน เบียดเสียดยื้อแย่งกันขึ้นรถเพื่อให้ทันต่อการเข้าทำงาน ก็ต้องดิ้นรนโชคดีหน่อยบางคนไม่ต้องมีภาระให้รับผิดชอบมากมาย ตัวคนเดียว ดีกว่าคนที่มีภาระครอบครัว เพราะต้องแบกรับภาระอันหนักหน่วงเอาไว้ แล้วต้องทำเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมั่นคงของชีวิต และอะไรคือตัวการันตีว่าเรา “จะมีความมั่นคงในชีวิต”  นั่นสิ อะไรล่ะ?

เงินฝากในบัญชีที่มีเลขถึง 6 หลัก หรือ บ้านหลังใหญ่โต รถคันหรูพร้อมแอร์เย็นช่ำ เอ๊ะ..หรือจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่คล่องตัวในการเดินทาง ที่กล่าวมาทั้งหมดมันคงไม่ผิด ถ้าจะบอกว่ามันมีความหมายใกล้เคียงกับความมั่นคงในชีวิต ความฝันอันสวยหรูเหล่านี้ ดูถ้าจะเป็นเพียงฝันกลางวันแหง ๆ

มาดูความเป็นจริงของชีวิต เงินฝากอย่ากระนั้นเลย 6 หลักเหรอ เอาแค่สี่ถึงห้าบางทีไม่เห็นหนทางจะเป็นไปได้เลย เอาจริง ๆ ตัวเลขติดลบอีกต่างหาก บ้านหลังใหญ่ ไม่รู้ว่าอายุ 60 ปีจะมีหรือเปล่า (ทุกวันนี้เช่าเขาอยู่บางเดือนก็ค้างค่าเช่า จะถูกไล่เมื่อไหร่ยังไม่รู้) รถคันหรู ขับทุกวัน เบนซ์ หรือบีเอ็มดับเบิลยู สลับกันไปแล้วแต่บางวัน แต่ขับให้นายนะ และอันสุดท้าย รถมอเตอร์ไซค์ อืม..ดูเหมือนอันสุดท้ายนี่แหละที่พอจะมีหวัง

อยากทำฝันให้เป็นจริง มีวิธีมาแนะนำถ้าอยากมีบ้าน มีรถ ง่ายมากก็ไปกู้สิ! เดี๋ยวนี้ธนาคารหลายแห่งมีมาตรการให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยถูก ระยะเวลาการผ่อนชำระนาน วงเงินกู้มากถึง 200,000 บาท มาตรการนี้เหมาะกับพ่อค้าแม่ขาย หรือผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก หรือ ธุรกิจประเภท SMEs ธนาคารที่ปล่อยกู้ก็จะเป็นธนาคาร ออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) อยากได้ลองไปติดต่อสอบถามดู กู้ไปแล้วก็ไปใช้ให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์กับชีวิตให้มากที่สุด ชำระค่างวดตามที่สัญญา เท่านี้ก็อุ่นใจทั้งทางผู้กู้และผู้ปล่อยกู้ แถมฝันยังเป็นจริงอีกต่างหาก

เศรษฐกิจเป็นเรื่องเกี่ยวกับเราทุกคน เราอาจจะบอกว่าไม่เกี่ยว แต่ตราบใดที่ยังกินข้าว ซื้อกะปิ น้ำปลา น้ำตาล อาบน้ำ ใช้ตู้เย็น เครื่องซักผ้า นั่นหมายความว่าเราเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดูง่าย ๆ ตอนนี้เรามีเงินใช้มากน้อยเท่าไหร่ ถ้าเรามีเงินใช้เพียงพอ ไม่ขาดมือ ก็บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอยู่ในขั้นดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ รู้สึกว่าเงินไม่พอใช้ ซื้อของได้นิดเดียว แน่นอนว่าเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่สังเกตง่าย ๆ คำถามที่เราต้องกลับมาถามตัวเองคือ จะอยู่อย่างไร ให้อยู่ได้?..


ผุดบัญชียางพารา ชาวสวนไชโยดังลั่น

                ยางพาราเป็นวัตถุดิบที่นำมาผลิตสินค้า มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย สินค้าที่ผลิตขึ้นมาจากยางพาราที่เรา ๆ ก็รู้จักมักคุ้นกัน ได้แก่ ยางรถยนต์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับยางทุกชนิด มีการนำยางไปเป็นส่วนประกอบในการสร้างถนนเพื่อให้เกิดการใช้ยางพารา และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ทำไมเกษตรกรชาวสวนยาง จึงยังคงได้รับความเดือนร้อนจากปัญหาราคายางพาราตกต่ำทั้ง ๆ ที่ยางพาราก็ได้ถูกนำไปใช้อย่างล้นหลาม ด้วยเหตุที่ว่านี้ชาวสวนยางถึงกับมีการรวมตัวกันเพื่อล่ารายชื่อหวังปลดผู้บริหารออก มันเกิดขึ้นได้ยังไง?

เท่านั้นยังไม่พอ ช่องข่าวทางทีวียังมีการออกมาเปรียบเทียบราคายางพาราของปีที่ผ่านมา ก็ปรากฏชัดเจนแจ่มแจ้งว่า ราคายางพาราถูกลงอย่างมาก ลดลงถึง 20 กว่าบาท แล้วอย่างนี้ประชาชนจะไม่ลุกหือได้อย่างไร? และที่จริงแล้วปัญหาราคายางพาราตกต่ำถือเป็นปัญหาเรื้อรัง ยืดเยื้อมายาวนาน ประชาชนจึงได้รับความเดือดร้อนกันเรื่อยมา ประเทศไทยมีการปลูกยางพารารวมกันกว่า 10 ล้านไร่ คิดดูแล้วไม่น้อยทีเดียว และในสิบล้านไร่นี้ก็มีบทบาทช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยยังเดินอยู่ได้เช่นกัน แต่เจ้ากรรม ทั้ง ๆ ที่ให้ประโยชน์ต่อประเทศมากมาย กลับไม่ได้รับความสนใจ ไม่เห็นคุณค่าสักเท่าไร ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้รัฐบาลไม่อาจจะนิ่งนอนดูดายได้อีกต่อไป “เราต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อพี่น้องเกษตรกรชาวสาวยางของเรา!” และแล้วในที่สุด ก็เกิดเมกกะโปรเจค “ขึ้นบัญชียางพารา” แก้ปัญหายางราคาไร้ระเบียบ ฟังดูดีทีเดียว แต่จะได้ผลมากน้อยแค่ไหนลองรอลุ้นกันต่อไป ขอเตือนอย่าละสายตา!  สิ่งหนึ่งที่พอทำให้มั่นใจได้บ้างว่าราคายางพาราจะดีขึ้น และนั่นหมายถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวสวนยางก็จะดีขึ้นด้วยคือ การขึ้นบัญชียางพารานั้นทำให้ยางพารากลายเป็นสินค้าที่มีการควบคุม จะมีมาตรการควบคุม เช็คสต็อก สามารถกำหนดราคาขั้นต่ำ ขั้นสูง ป้องกันการเล่นราคาจากพ่อค้าคนกลางหรือพ่อค้านอกรีตได้ โดยอยู่ภายใต้การกับกับดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐบาล สิ่งที่ตอกย้ำความมั่นนี้ก็เพราะมาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ได้ถูกกำหนดลงในประกาศ “ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็หวังว่านับแต่นี้ต่อไปปัญหายางพาราคงทุเลาลงจนกะทั้งหมดไปซักที เกษตรกรชาวสวนยางเตรียมเฮได้เลย

เมื่อแก้ปัญหาอย่างหนึ่งได้ ปัญหาใหม่ก็มักจะเข้ามาแทนที่แบบไม่ได้รับเชิญ เศรษฐกิจโดยรวมของไทยในประเทศที่ผ่านมามีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น นักวิชาการต่างก็ให้ความเห็นไปทิศทางเดียงกันว่าจะดีขึ้น 4-5 % บ้าง บางท่านก็ว่ามากกว่านั้น เหตุเพราะภาคการส่งออกขยับตัวดีขึ้นแม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าไปหน่อยก็ตาม หุ้นไทยก็ดีขึ้น วิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าคนไทยได้ประโยชน์ แต่สำหรับชาวสวนชาวไร่ทำไมยังไมรู้สึกว่าตัวเองสบายขึ้นซักทีนะ ราคาพืชผลทางการเกษตรก็ไม่ดี โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน อ้อย ข้าวโพด และเกษตรกรส่วนใหญ่ดำรงชีพด้วยการเพาะปลูกพืชเหล่านี้ พี่น้องชาวเกษตรกร…ได้โปรดจงเย็น ๆ รัฐบาลกำลังจะเข้ามาแก้ปัญหาให้เราแล้ว เห็นว่า ปี 61 ราคาพืชผลทางการเกษตรจะดีขึ้น อดทนอีกนิดนะพวกเรา