“ว่าว” กีฬาประเพณีที่ค่อย ๆ เลือนหายไปจากเมืองไทย

ตามคำกล่าวขานของคนโบราณ ว่าว เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้วัดระดับและทิศทางของลมในอดีต อีกทั้งในอดีตนั้น คนโบราณมีความเชื่อว่า หากว่าวไปตกลงที่บ้านของใครหรือพื้นที่ไหน พื้นที่นั้นจะเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต ว่าวจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ถูกพระมหากษัตริย์หรือผู้นำในอดีตใช้ เพื่อช่วยเลือกพื้นที่หรือทำเลในการก่อร่างสร้างเมือง นอกจากนี้ ว่าวยังไปปรากฏในนิทานพื้นบ้านของไทย หรือนิทานปรัมปราอีกด้วย เช่น ในเรื่องแก้วหน้าม้า เป็นต้น แต่ในปัจจุบันการละเล่นว่าวนั้นเริ่มจางหายไปจากสังคมไทย เพราะปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ความนิยมของเล่นในรูปแบบเทคโนโลยีที่มีมากกว่าความนิยมของเล่นในรูปแบบของเล่นพื้นบ้าน เป็นต้น

การแข่งขันว่าว ที่สนุกไม่แพ้เกมกีฬาอื่น ๆ 

การแข่งขันว่าวในปัจจุบัน แม้จะเลือนหายไปบ้างแล้ว แต่ในบางพื้นที่ท้องถิ่นก็ยังมีการสนับสนุนการแข่งขันว่าว โดยบรรจุการแข่งขันว่าวให้เป็นการแข่งขันกีฬาชนิดหนึ่งของท้องถิ่นนั้น ๆ เช่น บางท้องที่ของจังหวัดสตูล บางท้องที่ของจังหวัดสงขลา เป็นต้น

การแข่งขันว่าว ถือ เป็นการแข่งขันกีฬาที่ต้องใช้ความสามารถในหลาย ๆ ด้านดังนี้

ด้านศิลปะและจินตนาการ เพราะต้องออกแบบลายว่าวของตนเองให้ดึงดูดและน่าสนใจ เพื่อให้ได้เข้าชิงรางวัลในด้านความคิดสร้างสรรค์ แต่ละคนก็จะมีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันไปตามความถนัดและความชอบ

ด้านการคำนวณ การแข่งขันว่าวนั้น ต้องใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาตร์และคณิตศาสตร์ เพื่อคำนวณให้ว่าวของตัวเองลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างสมดุล ไม่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือมีอาการฉวัดเฉวียงในระหว่างที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งว่าวที่ดี ควรจะต้องลอยตรง กล่าวคือ เชือกจะต้องทำมุมฉากกับพื้นโลกให้ได้มากที่สุด

ด้านงานฝีมือ การสร้างว่าวหนึ่งตัวนั้น ในสมัยก่อนจะนิยมนำไม้ไผ่มาเหลาให้เป็นทรงกลมและดัดให้เป็นรูปว่าวตามแบบที่เราต้องการ ซึ่งว่าวมีหลายรูปแบบ อาทิเช่น ว่าวจุฬา จะมีรูปร่างคล้ายกับดาวห้าแฉก เป็นว่าวที่คนไทยแทบทุกภาคนิยมเล่น ว่าวปักเป้า เป็นว่าวที่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมและนิยมติดหางยาว ๆ เอาไว้ตรงเหลี่ยมล่างสุดของว่าวเพื่อความสวยงาม ว่าววงเดือน หรือว่าวบุหลัน เป็นว่าวที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายเขาควาย นิยมเล่นทางภาคใต้ตอนล่างและประเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ว่าวอีลุ้ม เป็นว่าวที่มีลักษณะไม่ต่างจากว่าวปักเป้า เพราะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน นิยมติดพู่เอาไว้เพื่อความสวยงามและความสมดุล นอกจากนี้ยังมีการประดิษฐ์แอกว่าวหรือสนูว่าวขึ้น ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวจะส่งเสียดังเมื่อว่าวลอยขึ้นสู่ฟ้า และโดนลม

จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการจะแข่งขันว่าวได้ในแต่ละครั้งนั้น จะต้องเตรียมตัวและมีความรู้เรื่องความสมดุลเป็นอย่างดี จึงจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขั้นได้ ซึ่งถือเป็นความท้ายทายของผู้แข่งขัน อย่างไรก็ตามว่าวเป็นกีฬาประเพณีท้องถิ่นที่มีความสนุกสนานไม่แพ้กีฬาชนิดอื่น ๆ เลย ดังนั้นแล้วต้องช่วยกันอนุรักษ์ให้ว่าวคงอยู่ไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน