“แฟรงค์ แลมพาร์ด” การกลับมาอีกครั้งยังเดอะบริดจ์

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าผู้จัดการทีมของทีม “เชลซี” ในการออกสตาร์ทฤดูกาล 2019 นี้จะเป็นคนใกล้ตัวอย่าง “แฟรงค์ แลมพาร์ด” อดีตมิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ผู้ที่เคยพาทัพสิงโตน้ำเงินครามกวาดถ้วยรางวัลทั้งในประเทศและนอกประเทศมาอย่างมากมาย การกลับมายังถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ในครั้งนี้ของเขานั้นไม่ใช่ในฐานะนักเตะเหมือนดั่งวันวานแต่กลับมาในฐานะบิ๊กบอสผู้พร้อมจับเผือกร้อนในช่วงมรสุมของทีมที่ถูกแบนในตลาด ซื้อ-ขาย นักเตะถึง 2 ช่วงจากฟีฟ่า

ท่ามกลางความยินดีปรีดาจากแฟนบอลเชลซี ก็ยังคงมีความสงสัยจากใครต่อหลายคนตามมาด้วยว่าอดีตมิดฟิลด์ชาวอังกฤษรายนี้ จะมีความสามารถพอที่จะคุมทีมใหญ่ระดับนี้ได้หรือไม่เพราะที่ผ่านมาเขาเคยผ่านการเพียงคุมทีม “แกะเขาเหล็ก” ดาร์บี้เคาท์ตี้มาเพียงแค่ 1 ฤดูกาล (2018-2019) เท่านั้น การทำงานที่หนักขึ้นกว่าเดิมจึงเป็นสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อพิสูจน์ตัวเขานั่นเอง

ทัพสิงโตน้ำเงินคราม ในยุคใหม่

เมื่อเชลซีถูกแบนในสารบบ ซื้อ-ขาย สิ่งเดียวที่ผู้จัดการทีมเจ้าของฉายา “ซุปเปอร์แฟรงค์” คือรวบรวมนักเตะที่มีอยู่ใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเสีย “เอแดน อาร์ซา” ปีกพ่อมดชาวเบลเยียมไปให้กับเรอัลมาดริด โดยผู้เล่นที่เข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ คือ คริสเตียน พูลิซิช ปีกชาวสหรัฐอเมริกาผู้ถูกคาดหวังว่าจะมาเป็นความหวังใหม่ได้ในตำแหน่งปีก ส่วนผู้เล่นที่ถูกยืมไปอย่าง มิตชี่ บัตซูอายี่, เคิร์ท ซูม่า, เคเนดี้, ติมูเอ้ บากาโยโก้ ก็พร้อมกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ประกอบกับดาวรุ่งที่ถูกดึงกลับมาอย่าง เมสัน เมาท์, แทมมี่ อับราฮัม โดยเฉพาะในรายของเจ้าหนู เมสัน เมาท์ ที่เคยผ่านการเป็นลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ในฐานะผู้เล่นยืมตัวของทีม ดาร์บี้ เคาท์ตี้ ในฤดูกาลที่ผ่านมา

เหลือบมองกลับไปที่ผู้เล่นในกำมือที่ทัพสิงโตน้ำเงินครามมีอยู่แล้ว เช่น เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, รอสส์ บาร์คลี่ย์, เปโดร โรดิเกวซ, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, ดาวิด ลุยส์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, มาเตโอ โควาซิช, เซซาร์ อัซปิลิเกวต้า, เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่ต่างก็ผู้เล่นระดับแนวหน้าอยู่แล้ว เมื่อมาผสมกับผู้เล่นหน้าใหม่กับผู้เล่นที่ถูกยืมตัวทางเลือกในแผนการจัดการทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด แฟนบอลก็คงสบายใจไปได้เปราะหนึ่งไม่มากก็น้อยแล้วอีกทั้งยังจะได้เห็นผู้เล่นดาวรุ่งหน้าใหม่ ๆ ของทีมได้แจ้งเกิดอีกด้วย

แผนการเล่นสไตล์ ซุปเปอร์แฟรงค์

หากใครเคยรับชมแผนการเล่นของทีม ดาร์บี้ เคาท์ตี้ในฝีมือการคุมทีมของ “ซุปเปอร์แฟรงค์” ฤดูกาลที่ผ่านมาคงจะเห็นว่า แผนที่เขาถนัดใช้คือแผน 4-2-3-1 ที่มีสไตล์เกมรุกที่รวดเร็วซึ่ง ก็คงจะได้นำมาใช้กับการคุมทีมเชลซีอย่างแน่นอนแต่ที่น่าสนใจ คือ เชลซีมีผู้เล่นระดับที่ดีกว่าและสามารถเล่นได้ในหลากหลายแผนการ ซึ่งนั่นก็อยู่ที่ผู้จัดการทีมแล้วว่าจะใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างไร แต่เชื่อได้ว่าเชลซีในกำมือของแลมพาร์ดจะสร้างเซอร์ไพรส์ต่อหน้าสายตาแฟนบอลในฤดูกาลนี้ด้วยเกมรุกที่ดุดันได้อย่างแน่นอน