“ชนาธิป สงกระสินธ์” ต้นแบบความสำเร็จนักฟุตบอลไทย

ปัจจุบันภายในประเทศของเรานั้นมีนักฟุตบอลไทยที่เก่งกาจฝีเท้าดีอยู่มากมายหลายต่อหลายคน แต่หากจะพูดว่าใครที่เป็นนักฟุตบอลที่ฝีเท้าดีที่สุดในประเทศไทยคงจะหนีไม่พ้นชื่อของ “เจ” ชนาธิป สงกระสินธ์ ผู้เป็นต้นแบบและไอดอลในการเป็นนักฟุตบอลของใครต่อหลายคนอย่างแน่นอน

โดย ชนาธิป สงกระสินธ์ ในตอนนี้นั้นค้าแข้งอยู่ที่ เจลีค ประเทศญี่ปุ่น กับทีมชื่อดังแห่งเมืองเหนืออย่าง “ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร” สำหรับชนาธิปนั้นอยู่กับซัปโปโรมาแล้วถึง 3 ฤดูกาลตั้งแต่ปี 2017-2018(ครึ่งฤดูกาลหลัง), 2018-2019 และฤดูกาลปัจจุบัน 2019-2020 หลังจาก 2 ฤดูกาลแรกมาค้าแข้งด้วยสัญญาฉบับยืมตัว ท่ามกลางความสนใจของสื่อต่างชาติอย่างมากมายถึงความสามารถของเจ้าตัวและฉายาที่ได้จากสื่อไทยว่า “เมสซี่เจ” ซึ่งคล้ายกับนักเตะชื่อดังชาวอาร์เจนติน่า ของทีมบาร์เซโลน่าอย่าง “ลิโอเนล เมสซี่” ที่ถูกยกย่องให้เป็นนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก

เส้นทางก่อนจะมาถึง “ซัปโปโร”

ต้องบอกว่ากว่าจะมาถึงจุดที่ได้ไปค้าแข้งภายในประเทศญี่ปุ่นได้ ชนาธิป ต้องผ่านสิ่งต่าง ๆ มาอย่างมากมายทั้งคำสบประมาทในสมัยที่ยังเป็นนักฟุตบอลระดับเยาวชนด้วยรูปร่างที่เล็ก จึงไม่ได้รับโอกาสมากนักแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาลดความรักที่มีต่อกีฬาลูกหนังไปได้เลย จนกระทั่งเจ้าตัวอายุ 18 ปี ก็ได้รับการเซ็นต์สัญญาเข้าสู่ทีมระดับเยาวชนของ “บีอีซี เทโรศาสน” หรือทีมโปลิศ เทโร ในปัจจุบันนั่นเอง และด้วยผลงานในระดับเยาวชนที่เก่งกาจเกินวัยทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ในที่สุดพร้อมฝากผลงานพาทีมคว้าแชมป์โตโยต้าลีกคัพในปี 2014 และปีเดียวกันนั้นยังสามารถพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ ไปครองได้

กระทั่งในปี 2016 ชนาธิปก็ได้ย้ายเข้าสู่ทีม “เอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด” ยักษ์ใหญ่แห่งไทยลีก 1 และเมื่อเข้าสู่ทีมใหญ่สิ่งที่ตามมาคือการถูกจับตามองเป็นอย่างมากเพราะสิ่งที่ “กิเลนผยอง” ต้องการในขณะนั้นคือการกระชากแชมป์ไทยลีกจากยักษ์ใหญ่อีกทีมอย่าง “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” และชนาธิปก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อมีส่วนพาทีมกิเลนผยองเถลิงบัลลังค์แชมป์ไทยลีกสมัยที่ 4 ให้แก่ทีมได้ รวมถึงการคว้าแชมป์เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ อีกครั้งกับทีมชาติไทยในปีเดียวกัน ทำให้เจ้าตัวเป็นที่สนใจของทีม “ฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร” และได้ย้ายไปร่วมทีมนกเค้าแมวเมืองเหนือ เมื่อปี 2017 ด้วยสัญญายืมตัวในที่สุด ก่อนที่ไม่นานมานี้ในปี 2019 ตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์จะได้รับสัญญาถาวรพร้อมกับยึดตัวจริงภายในทีมได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งที่เยาวชนนักฟุตบอลไทยควรเอาเป็นแบบอย่าง

อย่างที่ทราบกันว่ากว่า “ชนาธิป สงกระสินธ์” จะโด่งดังได้ขนาดนี้สิ่งที่เขาทำ คือ ซ้อมและซ้อมอย่างหนักเห็นได้จากหุ่นที่แม้จะตัวเล็กแต่มีบาลานซ์ช่วงตัวที่ดีมาก, สามารถใช้เท้าเล่นบอลได้ทั้ง 2 เท้า, พร้อมสภาพร่างกายที่เล่นในระดับฟุตบอลชั้นนำอย่าง เจลีค ได้ และนี่คือสิ่งที่เยาวชนนักฟุตบอลเยาวชนไทยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง คือ ระเบียบวินัยในตนเองด้านการฝึกซ้อม ความรัก ความจริงจัง ที่ต้องทำให้ถึงที่สุดเพื่อสิ่งที่ตนรัก และนั่นจะทำให้เราได้เห็นนักฟุตบอลรุ่นใหม่ ๆ กำเนิดขึ้นมาอย่างมากมายในอนาคตแบบ “เจ” ชนาธิป ต่อไป